ความคูลของ นัท Helmetheads ในวันที่เป็นมากกว่านักดนตรี

ในยุคโซเชียลออนไลน์แบบนี้ แค่เสียงเพลงคงจะยังทำให้ผู้ฟังประทับใจไม่พอ ต้องมาพร้อมกับภาพจำของมิวสิควิดีโอ หรือที่เราเรียกง่ายๆ ก็คือ MV ของเพลงต่างๆ นั่นแหละ พูดได้เต็มปากว่าถ้าดังทั้งที ต้องดังทั้งเพลงและ MV ถึงจะอยู่รอด! ซึ่ง ‘นัท - ณัฐพงศ์ เลิศศรีนวล’ มือกีต้าร์ Helmetheads มองเห็นว่า MV เป็นสิ่งที่สื่อสารบทเพลงให้ผู้ฟังเข้าใจได้ดีที่สุด เขาจึงเลือกที่จะลุยเองทุกกระบวนการ ตั้งแต่ทำเพลง คิดพล็อตเรื่อง กำกับ ยันตัดต่อ ซึ่งกระแสตอบรับออกมาดีสุดๆ ใครจะคิดว่านักดนตรีสุดคูลก็กลายเป็นผู้กำกับฝีมือดีได้ 

โอกาสแรกของการทำ Music Video 

        นัท : ตอนนั้น Helmetheads ยังเป็นศิลปินฝึกหัดของค่าย Spicy disc อยู่เลย เราเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆ จากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ คณะนิเทศศาสตร์ สาขาศิลปะการแสดง เอกการแสดงและกำกับการแสดง พี่เต้ง (พิชัย จิราธิวัฒน์) ผู้บริหารค่าย Spicy disc ก็ให้โอกาสเข้าไปทำ MV เพลง ‘นิดนิด’ ของพี่ Ball Jarulove (จารุลักษณ์ ชยะกุล) ผลออกมาว่าเราทำแล้วพี่บอลชอบ ทางค่ายก็ชอบ เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้ทำ MV

แต่ MV เพลงแรกของ Helmethaeds ยังไม่ได้ทำ?

        นัท : MV เพลงแรกของพวกเราก็ให้คนอื่นกำกับครับ แต่ทั้งเราและเพื่อนๆ ในวง รวมถึงพี่ๆ ที่ค่าย รู้สึกเหมือนกันว่า ข้อความที่เราอยากส่งให้กับผู้ชมยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่ เลยคุยกันว่าลองทำเองไหม มันน่าจะทำให้เราได้พูดกับผู้ชมโดยตรง น่าจะสื่อออกไปตรงกว่า ทางค่ายก็โอเค ให้เราลองทำดู ทำให้มี MV เพลง ‘อินสตาแกรม (Instagram)’ ออกมา

"การคิด Story board หรือเนื้อเรื่องก็จะคิดเป็นบาร์ เช่น ภาพนี้จะอยู่ได้แค่ 4 บาร์นะ ภาพนี้ได้ 2 บาร์นะ" นัท

ผลตอบรับของการลงมือทำ MV เองในเพลงแรก

        นัท : ค่อนข้างดีเกินคาดมากเลย มันเป็นเพลงแรก และเราก็ไม่ได้คิดว่าเพลงเราจะมียอดเข้าชมถึงล้านวิว ตอนนั้นในค่ายจะมีแค่ศิลปินเบอร์ใหญ่ๆ ที่แตะล้านวิวได้ อย่างเช่น Mild, Sqweez Animal, ละอองฟอง แล้วเราเป็นวงใหม่มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ตอนล้านวิวแรกก็คุยกันกับเพื่อนๆ ในวงว่ามาเกินที่เราคิดไว้เหมือนกัน ถือเป็นการแจ้งเกิด Helmetheads ทำให้ทุกคนรู้จักพวกเราเลย

กลายเป็นว่าเราต้องทำเองมาเรื่อยๆ ?

        นัท : เหมือนเป็นการต่อยอดมากกว่า เพราะหลายๆ คนบอกว่ายังรู้สึกไม่อิ่ม น่าจะมีเรื่องราวต่อจากอินสตาแกรม เราก็เลยทำ MV เพลง ‘อันเฟรนด์ (Unfriend)’ ขึ้นมา ก็เลยต่อเนื่องมาเรื่อยๆ กลายเป็นได้ทำทุกเพลง

อยากรู้วิธีการทำงานของนัท

นัท : เราจะเอาเพลงและดนตรีที่ได้มาฟัง ว่าสิ่งที่เราได้ยินเราเห็นภาพอะไรบ้าง แล้ววางว่าน่าจะมีภาพไหนใน  MV บ้าง จากนั้นก็แต่งเรื่องราวใส่ลงไป เวลาที่เราวางโครงเรื่องเราจะวางให้ตรงกับเนื้อเพลง การคิด Story board หรือเนื้อเรื่องก็จะคิดเป็นบาร์ เช่น ภาพนี้จะอยู่ได้แค่ 4 บาร์นะ ภาพนี้ได้ 2 บาร์นะ พอเซตเรื่องและภาพทุกอย่างเสร็จ ก็จะจำเรื่องราวได้ทั้งหมด ไม่รู้ว่าคนอื่นเป็นไหม (หัวเราะ) แล้วค่อยเริ่มวางแผนการถ่ายทำ ตอนถ่ายทำก็จะเอาสิ่งที่คิดอยู่ในหัวออกมาทำเป็นภาพจริง พอเราตัดต่อมันก็จะเป็นแบบนั้นเป๊ะ เป็นคนที่ไม่ค่อยอิมโพรไวส์ จะเตรียมการมาพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ่ายทำก็ต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ พอตัดต่อก็จะเป็นตามที่คิดไว้เลย เราเลยมาตัดต่อเอง เพราะคนอื่นจะตัดต่อออกมาไม่ได้แบบที่เราคิดเอาไว้แน่นอน

แสดงว่าเป็นคนทำงานละเอียดมากๆ

นัท : ใช่ครับ อย่างเพลง  MSN หรือว่าเพลง Empty Room ในฉากพระอาทิตย์ตก ทุกอย่างผ่านการ Research และลงพื้นที่ไปดูสถานที่จริงมาแล้ว ดูว่าที่นั่นพระอาทิตย์จะตกกี่โมง แล้วมาคำนวณว่าจะมีเวลาถ่ายทำเท่าไหร่ หรือว่าเพลง อันเฟรนด์ ที่ไปทะเลหมอก ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นทุกวัน นัทก็จะไปแฝงตัวอยู่ใน Facebook กลุ่มล่าทะเลหมอก เขาจะมีไกด์คร่าวๆ ว่าวันไหนน่าจะมี แล้วต้องไปดูความชื้นสัมพัทธ์ของที่นั้นๆ ไปดูว่าฝนจะตกตอนกี่โมง แล้วตอนเช้าแดดจะต้องออก ฯลฯ ต้องละเอียดมาก กว่าจะเจอทะเลหมอก (หัวเราะ) กลายเป็นคนทำงานละเอียด เพราะเราอยากให้งานออกมาสมบูรณ์มากที่สุด

"น่าจะยังไม่เคยมี MV ที่เล่นดนตรีแล้วไฟลุกจริงๆ คือ ไฟมันลุกพรึ่บ! แบบอู้หู!! ขนาดนี้เลยหรอ" นัท

MV เพลง ‘โคตรคูล’ เป็นยังไงบ้าง

        นัท : Concept มันคือโคตรคูล ก็เลยคิดว่าอยากจะทำอะไรคูลๆ กับสถานที่ที่เราคุ้นเคยในมุมมองใหม่ๆ ที่คนไม่คิดว่า เฮ้ย! ที่ตรงนี้มันมีแบบนี้ด้วย เรื่องราวใน  MVเพลงนี้จะเป็นเอกลักษณ์ของวงมากกว่า เพราะปกติ 4-5 เพลงที่ผ่านมา จะเป็นเนื้อเรื่องซะส่วนใหญ่ แล้วค่อยมีภาพของวงแยกตอนท้าย MV โคตรคูลเป็นการขยายส่วนท้ายนั้น ให้ออกมาแบบเต็มๆ อยากให้เห็นว่าพอเต็มวงแล้วจะเป็นยังไง เป็นการทำความรู้จักกับวง ทำให้คนดูรู้จักตัวตนของวงมากขึ้น 

กว่าจะเป็น MV ‘โคตรคูล’ ไม่ใช่เรื่องง่าย 

        นัท : มันจะง่ายกว่าเพลงอื่นแค่การคิดพล็อตเรื่อง แต่ยากสุดๆ คือการหาสถานที่ (หัวเราะ) ยากที่การถ่ายต้องใช้เวลาหลายวัน  ไป 7 - 8 วัน ในแต่ละวันก็ไปหลายที่ ถ่ายทำแบบเต็มวันทุกวัน เหนื่อยและร้อนมาก แต่ก็สนุก เพราะตัวเราเองต้องทำอะไรหลายๆ อย่าง ทั้งกำกับ ทั้งเล่นเอง ก็จะเหนื่อยหน่อยในวันถ่ายทำ เพลงนี้เราไม่อยากจะไปกำหนดอะไรมาก ไม่อยากสั่งว่าเพื่อนจะต้องทำอะไร เราแค่คอยแนะนำเขาเฉยๆ ว่าทำได้ประมาณเท่าไหร่ ต้องเดินไปตรงไหนบ้าง นอกนั้นอยากทำอะไรก็เสนอมาได้เลย เราปล่อยให้เพื่อนได้เป็นตัวของตัวเองเต็มที่ เพราะอยากให้ทุกคนได้รู้จักตัวตนของ Helmetheads จริงๆ

ความพิเศษของ MV โคตรคูล ที่ทุกคนไม่ควรพลาด

        นัท : นอกจากสถานที่สวยๆ แล้ว เราว่าทุกคนน่าจะเห็นฉากที่ ‘มือไฟ’ (กลั้นหัวเราะ) เกิดขึ้นเพราะนัทคิดว่ามันคือเพลง ‘โคตรคูล’ และท่อนกลางมันก็พูดว่า ‘ไอ้เชี่ยแม่งคูลว่ะ!’ เลยคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่างที่มันต้องร้องคำนี้ออกมา ในประเทศไทยน่าจะยังไม่เคยมี MV ที่เล่นดนตรีแล้วไฟลุกจริงๆ แบบไม่ใช้ cg (หัวเราะ) ก็ลอง  search ใน youtube จนเจอวิธีทำ ตอนที่ลองจุดไฟครั้งแรก คือมันลุกพรึ่บ! ขึ้นมาใหญ่มาก มันแบบอู้หู!! ขนาดนี้เลยหรอ ก็ตกลงว่าเออ เอาอันนี้แหละ เราต้องดีดกีต้าร์แล้วไฟลุก! (หัวเราะ) ถ้าไม่เชื่อมาดูขนที่แขนก็ได้ (ยื่นแขนให้ดู) จะเห็นได้ว่ามันหายไป เพราะไฟลวกไปหมด (หัวเราะ) ไม่รู้ว่าจะมีวงไหนกล้าทำอะไรแบบนี้รึเปล่า ที่ใช้ไฟจริงจุดมือตัวเอง แอบอันตรายเหมือนกัน แต่เราทำในสถานที่ที่เราเตรียมพร้อมเรื่องความปลอดภัยและมีการซ้อมมาแล้ว ใครอยากลองทำตามก็ลองได้นะ แต่ก็ระวังนิดนึง (หัวเราะ)

        และอยากให้ดูเรื่องของการตัดต่อด้วย จะมีน้องๆ ทีมงานมาช่วยตัดต่อเยอะมากขึ้น เป็นอะไรใหม่ๆ ต่างจากเดิม เพราะนัทอยากจะพัฒนาวงการ MV หรือภาพเคลื่อนไหว ให้มันไปข้างหน้า เวลาที่มีอะไรใหม่ๆ เราก็พยายามใส่ลูกเล่นตรงนั้นลงไป ในสิ่งที่หลายๆ คนยังไม่เคยทำ หรืออาจจะทำแต่ว่าเป็นส่วนน้อย เพื่อให้คนไทยเราได้ดู ได้เห็นอะไรที่มันคูลๆ มากขึ้น (ยิ้ม)

        + MV โคตรคูล ได้ปล่อยออกมาแล้ว นัทฝากว่า “อยากให้เปิดใจฟังอีกมุมหนึ่งของ Helmetheads เพราะทุกคนตั้งใจทำกันมากๆ อย่างน้อยเวลาที่ดูเราแสดงสด จะได้มาสนุกกัน” ทุกคนจะได้เห็นเพลงนี้อยู่ในอัลบั้มเต็มของพวกเขาแน่นอน นัทเองก็แง้มว่าตอนนี้ทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว เหลือเพียงการแก้ไขเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ติดตามกันให้ดี บอกเลยว่าพลาดไม่ได้!!