
Good Morning Soon การก้าวข้ามผ่านเรื่องราวในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะความทุกข์ใจที่แต่ละคนมีรูปแบบต่างกันออกไป แต่ยังไงเสีย ในเช้าวันพรุ่งนี้ก็ได้เวลาเริ่มวันใหม่ เหมือนที่ บิ๊ก - อัคนี ขำตันวงษ์ (ร้องนำ/ กีต้าร์), ก๊อง - ธนรัฐ บุญเลี้ยง (เบส) และ บาส - ศรัณย์ รุจิกุลสิริ (กลอง) สมาชิกในวง ‘Morning Soon’ ได้ให้คำนิยามชื่อวงเอาไว้ กลุ่มเด็กหนุ่มที่ตั้งมั่นในความเชื่อและความฝันทางดนตรี พยายามเติมเต็มทุกย่างก้าวให้เป็นจริง จนตอนนี้พวกเขาได้ทำสิ่งที่รักด้วยตัวเองแทบทุกกระบวนการ โดยปล่อยให้พรุ่งนี้เช้ามีดนตรีเป็นเครื่องปลอบประโลมให้ความทุกข์ใจกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง +วัยเด็กของแต่ละคนเริ่มจาก... บิ๊ก : ผมเริ่มเล่นกีต้าร์ตั้งแต่ ป.5 แต่ไม่ได้สนใจจริงจัง ตอนนั้นชอบเตะบอลมากกว่า เป็นนักกีฬาประจำจังหวัด แต่เป็นตัวสำรองนะ (หัวเราะ) เตะฟุตบอลมาเรื่อยๆ จนถึง ม.2 ก็เริ่มรู้แล้วว่าการเล่นดนตรีมันทำเป็นอาชีพได้ เพราะตอนนั้นชอบค้นข้อมูลของศิลปินที่เราชอบว่าสมาชิกในวงชื่ออะไร เรียนจบที่ไหนมาบ้าง เอาไว้มาคุยกับเพื่อน ถึงได้รู้ว่ามีคณะดนตรีด้วย เริ่มหาดูว่ามีมหาวิทยาลัยไหนเปิดสอนบ้าง และเริ่มเล่นดนตรีอย่างจริงจัง จนสอบเข้าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ เอกกีต้าร์แจ๊ส มหาวิทยาลัยมหิดลได้ บาส : ผมอยู่วงดุริยางค์ตั้งแต่ ป.1 เลย เล่นเมโรเดี้ยน พอขึ้น ป.5 ก็เปลี่ยนไปตีกลองใหญ่ ช่วงมัธยมผมสอบเข้าวงโยธวาทิตที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 คือชอบเล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก แล้วไม่รู้จริงๆ ว่าจะเรียนอะไร ไม่ค่อยเก่งคำนวณ ภาษาก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจว่าจะเรียนดนตรี ปรึกษากับคุณครูที่สอนวงโยธวาทิตว่าจะสอบอะไรดี ระหว่างกลองชุดกับพวกกลองคลาสสิก จนสุดท้ายก็เลือกกลองชุดเพราะคิดว่าเอาไปต่อยอดได้มากกว่า สอบเข้าที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้ย้ายมาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เอกดนตรีสากลครับ ก๊อง : ช่วง ป.6 เราเรียนในโรงเรียนคริสต์ ก็จะมีการเข้าโบสถ์ แต่เราไม่ชอบไปนั่งอยู่ตรงพิธี เลยเลือกไปอยู่เบื้องหลังกิจกรรมอยู่ในส่วนสันทนาการ ก็เริ่มรู้จักกับกลอง เป็นกลองตีเชียร์ธรรมดา ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็หัดตีกลองชุด และเริ่มหัดเล่นกีตาร์ตอน ม.2 เพราะอิจฉาเพื่อน คือตอนเพื่อนนั่งเล่นกีต้าร์ก็มีสาวมานั่งด้วยเต็มเลย เราเลยไปขอให้เพื่อนสอน จนเราเล่นได้ ก็ชวนเพื่อนทำวง ที่ตลกคือสมาชิกในวงอยากเล่นกีต้าร์กันหมด ที่เราได้เล่นเบสเพราะว่าเราโอน้อยออกแพ้ (หัวเราะ) และเพิ่งมารู้ทีหลังว่าทุกคนฮั้วะกัน พอช่วง ม.5 – 6 ก๊อง : เราสู้กับพ่อแม่เรื่องเรียนดนตรีมากเลยนะ เพราะเขาอยากให้เป็นวิศวกรเหมือนพ่อ ตอนนั้นเราคิดอยู่อย่างเดียวว่าในชีวิตเราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีกแล้ว นอกจากเล่นดนตรี เราชอบจนโงหัวไม่ขึ้น อยากอยู่กับดนตรีตลอดเวลา จนวันหนึ่งมันเกือบทำให้เรา...คิดสั้น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ทำ เพราะจังหวะที่เราจะทำหน้าพ่อกับแม่ลอยเข้ามาก่อน แต่ที่สุดแล้วเราก็สอบเข้าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลจนได้ "อยากอยู่กับดนตรีตลอดเวลา จนวันหนึ่งมันเกือบทำให้เรา...คิดสั้น" ก๊อง