Morning Soon | นักดนตรีผู้ซื่อสัตย์ต่อความฝัน

20.9K View

Good Morning Soon

        การก้าวข้ามผ่านเรื่องราวในแต่ละวันไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะความทุกข์ใจที่แต่ละคนมีรูปแบบต่างกันออกไป แต่ยังไงเสีย ในเช้าวันพรุ่งนี้ก็ได้เวลาเริ่มวันใหม่ เหมือนที่ บิ๊ก - อัคนี ขำตันวงษ์ (ร้องนำ/ กีต้าร์), ก๊อง - ธนรัฐ บุญเลี้ยง (เบส) และ บาส - ศรัณย์ รุจิกุลสิริ (กลอง) สมาชิกในวง ‘Morning Soon’ ได้ให้คำนิยามชื่อวงเอาไว้ กลุ่มเด็กหนุ่มที่ตั้งมั่นในความเชื่อและความฝันทางดนตรี พยายามเติมเต็มทุกย่างก้าวให้เป็นจริง จนตอนนี้พวกเขาได้ทำสิ่งที่รักด้วยตัวเองแทบทุกกระบวนการ โดยปล่อยให้พรุ่งนี้เช้ามีดนตรีเป็นเครื่องปลอบประโลมให้ความทุกข์ใจกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง


+วัยเด็กของแต่ละคนเริ่มจาก... 

บิ๊ก : ผมเริ่มเล่นกีต้าร์ตั้งแต่ .5 แต่ไม่ได้สนใจจริงจัง ตอนนั้นชอบเตะบอลมากกว่า เป็นนักกีฬาประจำจังหวัด แต่เป็นตัวสำรองนะ (หัวเราะ) เตะฟุตบอลมาเรื่อยๆ จนถึง .2 ก็เริ่มรู้แล้วว่าการเล่นดนตรีมันทำเป็นอาชีพได้ เพราะตอนนั้นชอบค้นข้อมูลของศิลปินที่เราชอบว่าสมาชิกในวงชื่ออะไร เรียนจบที่ไหนมาบ้าง เอาไว้มาคุยกับเพื่อน ถึงได้รู้ว่ามีคณะดนตรีด้วย เริ่มหาดูว่ามีมหาวิทยาลัยไหนเปิดสอนบ้าง และเริ่มเล่นดนตรีอย่างจริงจัง จนสอบเข้าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ เอกกีต้าร์แจ๊ส มหาวิทยาลัยมหิดลได้ 

        บาส : ผมอยู่วงดุริยางค์ตั้งแต่ .1 เลย เล่นเมโรเดี้ยน พอขึ้น .5 ก็เปลี่ยนไปตีกลองใหญ่ ช่วงมัธยมผมสอบเข้าวงโยธวาทิตที่โรงเรียนสตรีวิทยา 2 คือชอบเล่นดนตรีตั้งแต่เด็ก แล้วไม่รู้จริงๆ ว่าจะเรียนอะไร ไม่ค่อยเก่งคำนวณ ภาษาก็ไม่ได้ เลยตัดสินใจว่าจะเรียนดนตรี ปรึกษากับคุณครูที่สอนวงโยธวาทิตว่าจะสอบอะไรดี ระหว่างกลองชุดกับพวกกลองคลาสสิก จนสุดท้ายก็เลือกกลองชุดเพราะคิดว่าเอาไปต่อยอดได้มากกว่า สอบเข้าที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้ย้ายมาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม เอกดนตรีสากลครับ  

ก๊อง : ช่วง .6 เราเรียนในโรงเรียนคริสต์ ก็จะมีการเข้าโบสถ์ แต่เราไม่ชอบไปนั่งอยู่ตรงพิธี เลยเลือกไปอยู่เบื้องหลังกิจกรรมอยู่ในส่วนสันทนาการ ก็เริ่มรู้จักกับกลอง เป็นกลองตีเชียร์ธรรมดา ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็หัดตีกลองชุด และเริ่มหัดเล่นกีตาร์ตอน .2 เพราะอิจฉาเพื่อน คือตอนเพื่อนนั่งเล่นกีต้าร์ก็มีสาวมานั่งด้วยเต็มเลย เราเลยไปขอให้เพื่อนสอน จนเราเล่นได้ ก็ชวนเพื่อนทำวง ที่ตลกคือสมาชิกในวงอยากเล่นกีต้าร์กันหมด ที่เราได้เล่นเบสเพราะว่าเราโอน้อยออกแพ้ (หัวเราะ) และเพิ่งมารู้ทีหลังว่าทุกคนฮั้วะกัน พอช่วง .5 – 6

           ก๊อง : เราสู้กับพ่อแม่เรื่องเรียนดนตรีมากเลยนะ เพราะเขาอยากให้เป็นวิศวกรเหมือนพ่อ ตอนนั้นเราคิดอยู่อย่างเดียวว่าในชีวิตเราไม่สามารถทำอย่างอื่นได้อีกแล้ว นอกจากเล่นดนตรี เราชอบจนโงหัวไม่ขึ้น อยากอยู่กับดนตรีตลอดเวลา จนวันหนึ่งมันเกือบทำให้เรา...คิดสั้น แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ทำ เพราะจังหวะที่เราจะทำหน้าพ่อกับแม่ลอยเข้ามาก่อน แต่ที่สุดแล้วเราก็สอบเข้าวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดลจนได้


"อยากอยู่กับดนตรีตลอดเวลา จนวันหนึ่งมันเกือบทำให้เรา...คิดสั้น" ก๊อง


+พวกเราเริ่มรู้จักกันเมื่อ... 

   ก๊อง : ตอนเข้าเรียนที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ผมกับบิ๊กเรียนรุ่นเดียวกัน แต่ก็ยังไม่ได้ทำวง เพราะตอนนั้นรู้จักกันแบบธรรมดา  

            บิ๊ก : รู้จักกับบาสเพราะเล่นดนตรีตอนกลางคืนด้วยกัน ตอนนั้นบาสมาเล่นแทน เพราะมือกลองของวงไม่ว่าง 

บาส : เจอพี่บิ๊กพี่ก๊องครั้งแรกที่งานแจ๊สของมหาวิทยาลัย ตอนนั้นยังไม่รู้จักหรอกว่าพี่สองคนนี้เล่นดนตรี พอได้ไปเล่นกับพวกพี่ๆ ก็รู้สึกว่าสนุกและแฮปปี้มาก เราตัดสินใจออกจากวงเดิมเลย เดินไปถามพี่ๆ ว่าผมมาขอมาอยู่วงด้วยได้ไหม เขาใช้เวลาตัดสินใจประมาณ 1 อาทิตย์ ก็ตกลงรับเราเข้ามาในวงเลย


+จุดเริ่มต้นที่ทำให้ Morning Soon เกิดขึ้นเพราะ... 

ก๊อง : ช่วงนั้น Hi5 กำลังมาแรง และก็มี My Space ที่เป็นพื้นที่ของคนชอบฟังเพลงหรือทำเพลง เอาไปฝากแล้วดึง Code มาแปะโชว์ เรามีความคิดว่ามีเพลงของคนอื่นเยอะแล้ว แต่ถ้าเป็นเพลงของเราเองล่ะ มันคงจะดีมาก ก็จุดประกายให้เราอยากมีเพลงเป็นของตัวเอง 

บิ๊ก : เริ่มทำวงช่วงปี 3 ที่เด็ดที่สุดเลยคือ ในมหาวิทยาลัยจะมีประเพณีของคณะต่างๆ อยู่แล้ว และเขาจะชอบมาใช้บริการวงดนตรีจากฝั่งดุริยางคศิลป์ เราก็ไปสร้างความสุขให้คณะต่างๆ อย่างคณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล จะมีการประกวดวงดนตรี พวกเราก็เข้าประกวด และได้รางวัลชนะเลิศ เลยทำให้คนเริ่มรู้จักวงเรามากขึ้น แต่ยังเป็นวงแคบในมหาวิทยาลัยนะ


+หลังจากเป็น Morning Soon พวกเราก็เริ่มทำงานเบื้องหลัง... 

ก๊อง : หลังจากที่เราประกวดเวที Melody of life ครั้งที่ 7 โครงการ SPAWN by melody of life ทำให้เรามี Single แรกเริ่มใหม่กับคนเก่าได้เป็นศิลปินอย่างเต็มตัว ระหว่างนั้นเราก็ทำงานเบื้องหลังในบ้าน House Of Hits Music production (HOH) ไปด้วย ในบ้านจะมีวง Mild, The Rube, Sixty Miles และพวกเรา Morning Soon ทำงานด้วยกัน 4 วง อยู่ด้วยกันตลอด

        ก๊อง : จุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มทำงานเบื้องหลัง คือ ตอนนั้นพี่เป้ วง Mild เขาทำเบื้องหลังให้วงเรา แล้วก็อยากจะได้ทีมทำเพลงของบ้านเรา (HOH) เอาไว้ทำเพลงให้กับคนอื่นบ้าง วงแรกที่เราทำเบื้องหลังให้แบบเต็มตัวคือ วง Helmetheads เพลงดื้อก็ดื้อ’ Cover วง Venus Butterfly จากนั้นก็ทำให้เรื่อยจนครบ 11 เพลง เต็มอัลบั้ม


"ผมอยากเป็นเหมือนวงคาราบาว ที่อายุเยอะกันแล้วแต่ก็ยังทัวร์คอนเสิร์ต สร้างความสุขให้ทุกคนผ่านโลกของดนตรีอยู่เลย" บิ๊ก



+วันนี้พวกเราได้ทำให้ความตั้งใจในวัยเด็กเป็นจริงแล้ว… 

ก๊อง : ผมภูมิใจที่ได้เล่นดนตรีเป็นอาชีพมากๆ และภูมิใจมากเลยนะที่ทำให้ Helmetheads ได้ร้อยล้านวิว แต่ถามว่าสุดไหมก็ยังไม่สุด ยังไปบอกพ่อแม่ว่าทำได้แล้วไม่ได้ เพราะยังไม่มีผลงานชิ้นใหญ่ให้เขาเห็นว่ามันคือความสำเร็จจริงๆ ถ้าบอกว่างานนั้นสุดเราก็คงไม่มีงานต่อไป มันต้องพัฒนาไปเรื่อยๆ ความตั้งใจเราจริงๆ มันคือเบื้องหน้าไม่ใช่เบื้องหลัง เราเพียงแค่โชคดีที่ได้ทำเบื้องหลังแล้วประสบความสำเร็จ และตอนนี้พ่อกับแม่โอเคแล้ว เราแสดงให้เห็นแล้วว่าเราจัดการตัวเองได้ทุกอย่าง 

บาส : ผมเหมือนพี่ก๊องครับ มีความสุขที่ได้เล่นดนตรี แต่ยังไม่ที่สุด ยังมีเส้นทางที่ต้องเดินอีกไกล ไม่ได้หยุดแค่นี้ เราต้องไปเรื่อยๆ เพราะเรามีโอกาสได้เล่นดนตรีเป็นอาชีพแล้ว

            บาส :ผลงานที่ภูมิใจมากในตอนนี้คงเป็นการทำโชว์ Drumline ใน ‘1235 MILD LIVE CONCERT’ ผมไปเห็นในกลุ่มแฟนคลับ Mild Family มีคนตั้งกระทู้ว่าชอบโชว์ไหนที่สุดในคอนเสิร์ต ก็มีคนมาคอมเม้นท์ว่าชอบโชว์ Drumline พอได้อ่านเท่านั้นแหละ รู้สึกหายเหนื่อย ปลื้มปิติ เราไม่เคยเจอความรู้สึกแบบนี้มาก่อน เราเคยแข่งได้แชมป์มานะแต่มันไม่ได้รู้สึกเท่านี้ งานนี้เหนื่อยมาก คิดโชว์จนหลับ ตอนกินข้าวก็คิด รถติดก็คิด ซ้อมกลองก็คิดให้วง Mild ตลอด ผมต้องทำให้หกคนที่ขึ้นโชว์ตีกลองพร้อมกันให้ได้ คิดเพลง เขียนโน้ต คิดโชว์เอง นี่คือโชว์แรกและโชว์เดียวที่แฮปปี้ที่สุด ทำให้ยังอยากทำอะไรแบบนี้อยู่ตลอด


+ในอนาคตพวกเราคง... 

บิ๊ก : ต้องรักษาสุขภาพให้ดี ต้องมาเป็นอันดับหนึ่งเลย ผมอยากเป็นเหมือนวงคาราบาว ที่อายุเยอะกันแล้ว แต่ก็ยังทัวร์คอนเสิร์ต สร้างความสุขให้ทุกคนผ่านโลกของดนตรีอยู่เลย 

ก๊อง : ถ้าอนาคตทุกอย่างยังเอื้ออำนวยให้ผมเล่นดนตรีได้ จะให้ผมเล่นตลอดจนวาระสุดท้ายของชีวิตโอเคนะ 

บาส : ผมขอตายคากลองชุด (หัวเราะ) เราโตมากับมัน จนมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ถ้าจะให้เลิกเล่นดนตรีเราก็ไม่รู้จะทำอะไร เพราะไม่เคยคิดแผนสำรอง ไม่มีทางอื่นเลย มันเหลือแค่ทางเดียวคือต้องทำให้สำเร็จ



"มีความสุขที่ได้เล่นดนตรี แต่ยังไม่ที่สุด ยังมีเส้นทางที่ต้องเดินอีกไกล ไม่ได้หยุดแค่นี้" บาส


+ตอนนี้เพลงของ Morning Soon กำลัง... 

บิ๊ก : รอปล่อยเพลงออกมาในเวลาที่เหมาะสมครับ มินิอัลบั้ม 5 เพลงของพวกเราเสร็จเรียบร้อยแล้ว Produce กันเองด้วย แต่ก็ต้องรอกระบวนการอื่นๆ อีกสักพัก อัลบั้มนี้พี่เป้ วง Mild ช่วยดูแลเรื่องทำนองและเนื้อร้องซึ่งมาจากพวกเรา ดึงเอาเรื่องจริงจากรอบๆ ข้างไปเล่าให้พี่เป้ฟังพอปิ๊งไอเดียขึ้นมาแล้วก็เขียนออกมาเป็นเพลงพี่เป้เขียน 80% ผม 20% เนื้อหาต่างๆพี่เป้คิดครับ ผมมาเขียนเพิ่มเติมให้เพลงเสร็จทุกท่อน เป็นภาษาดนตรีแบบไม่มีความซับซ้อนใดๆ เลย พูดกันแบบผู้ชาย ตรงๆ ทั้งดนตรีทั้งเนื้อเพลงเป็นแนวยุค 90 คล้ายๆ กับวง LOSO แต่ไม่ได้เหมือนเป๊ะ เพราะเราใส่ความเป็นตัวตนของเราลงไปด้วย อยากให้ทุกคนรอติดตามฟัง รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ


เรื่อง พัชริดา สุพรรณชนะบุรี, จรัตพร โมรา 
ภาพ SPICY DISC


0 comments
Other Magazine
or