6 เล่มโปรดที่อ่านซ้ำไม่มีเบื่อ : ส้ม มารี

21.8K View

คนไทยอ่านหนังสือเฉลี่ยแล้ว 7 บรรทัดต่อ 1 ปี จริงหรือไม่? คำถามนี้กับบางคนคงตอบว่าจริง หรือบางคนก็คงรีบส่ายหัวปฏิเสธทันที... 

"เราอ่านหนังสือปีนึงเกือบ 20 เล่มเลยนะ" เจ้าของคำตอบคือ “ส้ม - มารี เออเจนี เลอเลย์” ศิลปินสังกัด SPICYDISC ตกใจเหมือนกันที่ได้ยินประโยคข้างต้น เพราะดูจากผลงานในโลกออนไลน์ที่ส้มผลิตออกมาแบบไม่ขาดสายแล้ว แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอจะมีเวลากระดิกตัวไปทำอย่างอื่น "ใช่ค่ะ เป็นสถิติเมื่อนานแล้ว ก่อนที่จะเข้าสู่วัยทำงาน (หัวเราะ) แต่เราก็พยายามอ่านหนังสือให้ได้อย่างน้อยๆ เดือนละ 1 เล่มนะ" นั่นไง โดนสับขาหลอกจนได้ 

ส้มบอกกับเราว่าพอเข้าสู่วัยทำงานเต็มตัว เวลาว่างที่จะอ่านหนังสือก็ลดน้อยลง แต่มีหนังสือ 6 เล่ม (จริงๆ ขอแค่ 5 เล่ม แต่ส้มแถมมาให้) ที่ทำให้ส้มอ่านซ้ำและตกหลุมรักมันทุกครั้งที่ได้อ่าน ส้มบอกอีกว่าทั้ง 6 เล่มนี้ ใครได้อ่านต้องติดใจแน่นอน เพราะทุกเล่มคือหนังสืออ่านง่าย ไม่เครียด เพราะถ้าอ่านแล้วเครียดส้มก็ไม่อ่าน ฮ่าๆ


1. New York 1st Time
“เราชอบมาก พอได้อ่านเรื่องนี้ก็กลายเป็นว่าเราชอบทุกเรื่องของ คุณธนชาติ ศิริภัทราชัย หรือว่า คุณเบนซ์ ไม่ได้รู้จักการเป็นส่วนตัวนะ แต่เพราะอ่านเล่มนี้ถึงรู้ว่าเขาชื่อเบนซ์ (หัวเราะ)” 


“หนังสือเล่มนี้ไม่ได้ถูกแต่งขึ้นมา แต่ว่าเกิดจากประสบการณ์ของคุณเบนซ์ที่ไปเรียนต่อปริญญาโทที่นิวยอร์ก แล้วก็ไปเจอเรื่องราวประหลาด เหมือนเป็น Culture Shock ของเขา (ภาวะการเข้าสู่วัฒนธรรมใหม่) ที่ทำให้อ่านสนุกคือภาษาการเขียนของเขาที่ไม่จำเป็นต้องทางการ มีคำหยาบ คำสบถใส่มาได้เลยทำให้รู้สึกเหมือนเพื่อนกำลังเล่าเรื่องให้ฟัง เข้าถึงง่ายอ่านต่อได้เรื่อยๆ เราอ่านวันเดียวก็จบแล้วสนุกมาก ใครอ่านแล้วไม่ขำให้เตะเลย (ยิ้ม)”



2. กรีบูย

“เล่มนี้เราอ่านตั้งแต่ตอนเด็กๆ และเล่มที่พ่อซื้อให้เคยมันหายไป แต่ตอนนี้เราไปตามซื้อมาเก็บได้แล้ว” 


“ ‘กรีบูย’ เป็นวรรณกรรมเยาวชนของฝรั่งเศส เป็นเรื่องการผจญภัยของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่ในครอบครัวที่เห็นแก่ตัว ขี้ขโมย นิสัยไม่ดี แต่เขาเป็นลูกคนเล็กที่ถูกพ่อแม่พี่น้องที่น่ารังเกียจ และมองว่าเป็นเด็กขี้แพ้ เด็กโง่ แต่จริงๆ แล้วเขาเป็นเด็กที่มีจิตใจบริสุทธิ์ จนกรีบูยได้ไปเจอกับราชาแมลงภู่ ลองไปหาอ่านดูได้ แต่จะหาอ่านยากมาก เพราะตอนนี้ไม่มีขายแล้ว (หัวเราะ) คือเราอยากกอ่านอีกรอบมาก ไปหาในร้านหนังสือก็ไม่มี เลยลองเข้าไปสั่งซื้อในเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์ ก็ได้เล่มนี้มา สนุกมากๆ”



3. สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่ และควิชดิชในยุคต่างๆ

“สองเล่มนี้เราเรียกมันว่าหนังสือเครื่องเคียงของแฮร์รี่พอตเตอร์”


 

“ ‘สัตว์มหัศจรรย์และถิ่นที่อยู่’ หลายคนคงรู้จักแบบภาพยนตร์ แต่ในภาพยนตร์กับในหนังสือเนื้อเรื่องจะไม่เหมือนกัน เล่มนี้จะเป็นหนังสือเรียนของแฮร์รี่ถ้าเราเปิดไปเรื่อยๆ เราจะเจอลายมือที่ ‘รอน วิสลี่ย์’ มาเขียนไว้ เหมือนเป็นโน้ตลายมือของแฮร์รี่ (น้ำเสียงตื่นเต้น) เล่มนี้จะเป็นแค่หนังสือเรียน แต่ในภาพยนตร์จะพูดถึงคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้คือ ‘นิวท์ สคามันเดอร์’ ซึ่งในความจริงเป็นแค่ผู้เขียนที่สมมติขึ้นมาเฉยๆ เลยทำให้มีภาพยนตร์ที่เล่าการผจญภัยของนิวท์กับสัตว์มหัศจรรย์ของเขา ที่ทำให้เขาเขียนหนังสือเรียนออกมาได้”


“อีกเล่มคือ ‘ควิชดิชในยุคต่างๆ’ เล่มนี้เป็นหนังสือที่แฮร์รี่ยืมมาจากห้องสมุด นี่มีเขียนไว้เลยว่าใครเคยยืมไปบ้าง มีข้อความของบรรณารักษ์ขู่ไว้ด้วย รายละเอียดในหนังสือน่ารักมาก เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสต์ควิชดิชว่าเมื่อก่อนใช้ลูกแบบไหนบ้าง ลูกสนิชเกิดมาได้ยังไง เป็นประวัติที่เขาแต่งขึ้นมา ทำให้เราอินกับแฮร์รี่พอตเตอร์มากขึ้นไปอีก อ่านแล้วเพลินมาก ชอบมาก หนังสือสองเล่มนี้ตั้งแต่ปี 2544… ก็ผ่านมา 17 ปีแล้ว นานม๊ากกกก (หัวเราะ)”




4. แม่มด โดย โรอัลด์ ดาห์ล
“นี่เป็นอีกเล่มที่เคยมีตอนเด็กแล้วทำหาย แต่อันนี้ไปเจออีกทีที่ร้านหนังสือ จำได้ว่าเคยชอบเล่มนี้มากๆ เลยซื้อมา และเราชอบนักเขียนคนนี้มากเป็นคนเดียวกับที่เขียน ‘ชาร์ลีกับโรงงานช็อคโกแลต’”


“เป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่มดที่ชอบจับเด็กมากิน แต่ก็ไม่รู้ว่าใครกันแน่เป็นแม่มด มีเด็กโดนสาปให้เป็นหนู อะไรแบบนี้ แฟตาซีแบบน่ารัก เป็นเรื่องราวที่น่ารักมาก ชอบเล่มนี้เพราะเป็นแฟนนักเขียน และชอบความแฟนตาซี รวมถึงภาษาอ่านง่าย อีกเรื่องที่คนนี้เขียนคือ ‘ยักษ์ใจดี’ เรื่องนี้สนุกเหมือนกัน แต่อยู่บ้านที่เชียงใหม่”



5. วรรณคดีไทยไดเจสต์

“บอกก่อนว่าเราเป็นคนไม่ชอบเรียนภาษาไทยเพราะรู้สึกว่ามันยากมาก วรรณคดีอะไรไม่รู้เรื่องเลย แต่เล่มนี้สนุกมาก”


“เป็นวรรณคดีไทยที่มีการจัดหมวดหมู่มาให้ เช่น การเกิดสุดอนาถในวรรณคดี อย่าง องคตที่เกิดจากท้องแพะในเรื่องรามเกียรติ์ ชมพูพานเป็นทหารที่เกิดมากจากขี้ไคล หรือเกิดจากเล็บนิ้วเท้าโป้งข้างซ้าย, สุดสยองในวรรณคดีไทย เช่น เรื่องนางสิบสอง หรือการเกิดกุมารทองที่ต้องคว้านท้อง, 5 อันดับนางเอกในวรรณคดีปากจัด ก็จะเล่าว่าที่นางปากจัดนางไปพูดอะไรบ้าง เล่มนี้รวบรวมและย่อยมาให้เราเป็นภาษาที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย อ่านเพลินๆ”



6. แฮร์รี่ พอตเตอร์

“ตอนเปิดตัวเล่ม 5 ที่สุริวงส์บุ๊คเซนเตอร์ จ.เชียงใหม่ งานจัดตอนกลางคืน มีการเค้าท์ดาวน์เปิดขายหนังสือ เราชอบมากจนต้องขอแม่ไปงาน แล้วก็แต่งตัวเป็นเฮอร์ไมโอนี่ไปงาน ตอนนั้นยังอยู่ ป.5-ป.6 อยู่เลย”

  

“ใช้เวลาอ่าน 8 วัน อ่านทั้งวันทั้งคืน แอบอ่านใต้ผ้าห่มเพราะพ่อให้นอนแล้วแต่เราไม่ยอม กินข้าวก็อ่านจนโดนดุ ตอนเรียนก็เอาหนังสือเรียนมาปิดหน้ามันไว้ คืออยากอ่านให้จบเร็วๆ เพราะมันสนุกมาก แต่ แฮร์รี่ พอตเตอร์ ทั้ง 7 เล่ม เราชอบ เล่ม 6 กับ7 มากสุด เพราะทุกอย่างมันถูกคลี่คลาย ปมที่มีในที่สุดก็กระจ่างทั้งหมด อ่านแล้วทำให้เราโล่งใจ (หัวเราะ) อ่านมาตั้งหลายปี สองเล่มนี้คือทั้งประทับใจและสะเทือนใจ”



รู้ตัวว่าชอบอ่านหนังสือตั้งแต่ตอนไหน
ส้ม : ประมาณ ป.1 ตอนเด็กๆ จะชอบอ่านการ์ตูน ขายหัวเราะ มหาสนุก สาวดอกไม้กับนายกล้วยไข่ หนูหิ่นอินเตอร์ เวลาแม่มารับที่โรงเรียนตอนเย็นก็จะขอแม่แวะร้านขายหนังสือการ์ตูน ซื้อเล่มใหม่ทุกอาทิตย์เลย มีเยอะมากจนพ่อแม่ให้เอาไปขาย จำได้ว่าขายได้เงินมาเยอะมาก รู้สึกดีมากว่าตัวเองหาเงินได้เยอะ 


ทำไมถึงต้องเป็นหนังสือการ์ตูน 

ส้ม : มันเป็นสิ่งที่สนุกสำหรับเรา อ่านแล้วมันตลก อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นไม่มีสื่อบันเทิงอื่นๆ อย่างเกมเราก็ไม่ได้ชอบเล่นขนาดนั้น หรือรายการในทีวีเราก็ดูบ้าง และด้วยความที่เป็นลูกคนเดียวเลยไม่ค่อยมีเพื่อนเท่าไหร่ เราเองไม่ชอบออกไปเล่นกับใคร เป็นสายเนิร์ดไม่ชอบโลดโผน (หัวเราะ) อ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บ้านดีกว่า เข้าห้องน้ำก็ต้องเอาไปด้วยติดตัวตลอด ก็อ่านมาเรื่อยๆ จากหนังสือที่เน้นภาพมาเป็นแบบที่มีแต่ตัวหนังสือ

แล้วหนังสือที่มีตัวหนังสือล้วนๆ เล่มแรกที่อ่านคือ?
ส้ม : โห… ยากจังเลย น่าจะหนังสือเรียน (หัวเราะ) จำไม่ได้เหมือนกัน แต่สิ่งที่เราจำได้และมันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรารักการอ่านคือทั้งพ่อและแม่อ่านหนังสือ พ่อมีหนังสือเยอะมากส่วนแม่จะอ่านนิยาย เช่น แม่เบี้ย แม่โขง อะไรที่เป็นแนวตำนานต่างๆ แม่จะชอบอ่าน เด็กบางคนเวลาอ่านหนังสือการ์ตูนจะโดนดุ แต่บ้านเราไม่เคยว่าเลย เพราะพ่อเขารู้สึกว่าหนังสือการ์ตูนถือเป็นจุดเริ่มต้นที่เด็กๆ จะรักการอ่าน ซึ่งมันจริง พอเราโต ถึงเราจะไม่อ่านหนังสือการ์ตูนเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ยังอ่านหนังสืออยู่ เหมือนพ่อกับแม่ทำให้เราเกิดความเคยชิน


เล่มไหนที่รู้สึกว่ามันเกิดมาเพื่อเรา
ส้ม : ยากมากเลย เพราะมีหลายเล่ม เราเป็นคนอินง่าย เวลาอ่านหนังสือแล้วมีคนเรียกเราจะไม่ได้ยินเลย มีสมาธิดีมาก ถ้าเป็นแนวที่ชอบเราจะอินอยู่แล้ว แนวที่ชอบคือเนื้อเรื่องที่มันไม่ซีเรียสเกินไป พวกวรรณกรรมเยาวชน ออกแฟนตาซีหน่อย ถ้าเป็นแบบอัตชีวประวัติก็จะไม่เหมาะกับเราเท่าไหร่ ไม่ค่อยชอบ (หัวเราะ)


เป็นคนรักหนังสือและรักษาหนังสือมากแค่ไหน
ส้ม : จริงๆ เพิ่งเริ่มรักษาหนังสือตอนโตแล้วนะ ตอนเด็กๆ จะไม่ได้รักษาหนังสือเท่าไหร่ และเล่มที่รักก็คือเซทแฮร์รี่พอตเตอร์ที่เราขนมาวันนี้นี่แหละ รักมาก แต่สังเกตได้ว่ามันเละทุกเล่มเลย เพราะอ่านบ่อย ยิ่งอ่านบ่อยยิ่งไม่ได้รักษา ขนไปนู่นไปนี่ เพราะฉะนั้นเล่มที่รักมันมักจะเละเทะมาก (หัวเราะ) เป็นคนไม่หวงหนังสือด้วย ยิ่งถ้าเรารู้ว่ามีคนชอบอ่านเหมือนกันยิ่งยัดเยียดให้เขายืม เพราะจะได้มาเม้าท์ด้วยกันได้ สนุกกว่า

ใน 1 ปีซื้อหนังสือกี่เล่ม
ส้ม : เยอะมาก คือถ้าได้เข้าร้านหนังสือต้องมีติดมือออกมาตลอด อย่าให้ได้เข้า เยอะมากจริงๆ 


มีช่วงที่ห่างจากการอ่านบ้างไหม
ส้ม : คือช่วงนี้เลยแหละ 5 ปีหลังมานี่อ่านหนังน้อยลงมากๆ อาจจะเพราะมีโซเชียลเข้ามาเลยทำให้เราไม่ได้จับหนังสือเท่าไหร่ บวกกับเข้าสู่วัยทำงานจริงจังแล้วด้วย เวลาว่างทีก็จะทำอย่างอื่น แต่ยังซื้อหนังสืออยู่เรื่อยๆ นะ มีเยอะมากที่ซื้อแต่ยังไม่ได้อ่าน


คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการกลับไปอ่านหนังสืออีกครั้ง
ส้ม : เวลา คือสิ่งที่ยากที่สุด จัดการยากสุด แม้กระทั่งตอนไปเที่ยว เราเคยเอาหนังสือไปเชียงใหม่ด้วย ตอนนั้นไปคนเดียวด้วยนะ กะว่าไปหาที่สงบ ได้อ่านหนังสือเต็มที่ ละทิ้งโซเชียลต่างๆ แต่ว่าไปเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนานมาก สุดท้ายสนุกกับเพื่อนอีกอยู่ดี ไม่ได้อ่านหนังสือ (หัวเราะ)

หนังสือเล่มไหนที่อ่านครั้งแรกแล้วใจเต้นแรง
ส้ม : จำชื่อหนังสือไม่ได้ (หัวเราะ) แต่เราเป็นคนชอบดิสนี่ย์มากๆ หนังสือเล่มนั้นจะเป็นเรื่องราวจะเกี่ยวกับดิสนี่ย์แลนด์เมืองออร์แลนโด ที่พวกเหล่าร้ายในสวนสนุกกลายเป็นสิ่งมีชีวิตและพยายามจะครอบงำดิสนี่ย์แลนด์ทั้งหมด แล้วในเรื่องจะมีการคัดเลือกเด็กมาช่วยกอบกู้โลก มีตัวละครต่างๆ ของดิสนี่ย์มาคอยช่วยเหลือ ตอนอ่านเรื่องนี้เราเพ้อเลยนะ รู้สึกว่าดิสนี่ย์มันอยู่กับเรามาตลอด พูดได้เต็มปากว่าเป็นสิ่งที่หล่อหลอมจนมาเป็นเราทุกวันนี้ ฉะนั้นพอเราอ่านอะไรที่เป็นดิสนี่ย์ใจจะพองโต มีความอิน (หัวเราะ)


ถ้าเขียนหนังสือของตัวเอง จะเขียนออกมาเป็นแนวไหน
ส้ม : เราเคยเขียนด้วยนะตอนเด็กๆ (น้ำเสียงตื่นเต้น) เขียนด้วยมือลงสมุดโรงเรียน เรื่องราวอิงมากจากเกม Harvest Moon เพราะตอนนั้นเราชอบเล่นเกมนี้ เนื้อเรื่องจะมีนางเอกที่เรือล่ม แล้วมาโผล่เกาะที่มีทะเลสาบในตำนาน มีตัวสัตว์ประหลาดคอยาวๆ มีนางฟ้าในน้ำตก เขียนเป็นเรื่องเป็นราวจริงจังมาก ไปเจอคนนั้นคนนี้ ตำนานของหมู่บ้าน แต่ตอนนี้มันหายไปแล้ว เสียดายมาก เขียนตอนอยู่ ป.3 มานั่งนึกยังเสียดายอยู่เลย ถ้าตอนนี้มันยังอยู่เอากลับมาอ่านคงตลกดี (หัวเราะ)

สำหรับส้มการอ่านหนังสือให้อะไรบ้างนอกจากความสนุก
ส้ม : สมาธิค่ะ ตั้งแต่เด็กจนโต หนังสือทำให้เรามีสมาธิมากขึ้น ทำให้เราจดจ่อกับการทำงานได้ และสามารถตัดสิ่งรบกวนรอบตัวได้ดีเลย

แล้วเสน่ห์ของหนังสือล่ะ ส้มคิดว่าคืออะไร
ส้ม : เสน่ห์ของมันคือ เล่มเดียวกัน ประโยคเดียวกัน แต่คนอ่านจะจิตนาการภาพไม่เหมือนกัน มันไม่มีขีดจำกัดของจินตนาการเลย และเสน่ห์อีกอย่างคือพอเวลาผ่านไปแล้วเรากลับมาอ่านอีกครั้ง จินตนาการของเราก็จะเปลี่ยนไป ตามประสบการณ์และเรื่องราวต่างๆ ที่สั่งสมมา ทำให้เราตีความแตกต่างออกไป


เคยอ่าน e-book ไหม

ส้ม : เคย แต่ไม่ค่อยอ่านเท่าไหร่ ไม่รู้สิ มันเหมือนเราติดกับการอ่านที่มันจับต้องได้เป็นกระดาษอะ มันไม่ได้ฟีล สมาธิไม่มาเลย คือเวลาอ่านหนังสือจริงๆ มันจะมีสัมผัสตอนที่กำลังจะเปลี่ยนหน้า แต่พอเป็น e-book มันทำไม่ได้ ทำให้เราไม่มีสมาธิด้วย เหมือนเล่นโทรศัพท์มือถือเลย สำหรับเราหนังสือจริงๆ ดีกว่า รู้สึกคลาสสิกกว่า


ถ้าต้องไปติดเกาะร้างแล้วพกหนังสือไปได้เล่มนึง จะเลือกเล่มไหน
ส้ม : “แฮร์รี่ พอตเตอร์” เอาไป 7 เล่มเลยนะ ยกไปทั้งเซ็ต (หัวเราะ)

เพลงที่ฟังเวลาอ่านหนังสือ
ส้ม : ไม่มีเลย เพราะเวลาอ่านหนังสือเราตัดทุกอย่างหมด ฉะนั้นถึงฟังเพลงไปด้วยก็ไม่ได้ยิน


ฝากถึงคนที่ไม่ค่อยอ่านหนังสือแล้วหน่อย
ส้ม : ไม่รู้จะฝากอะไรดี เพราะเราเองทุกวันนี้ก็อ่านน้อยลง (หัวเราะ) แต่ถ้าเป็นไปได้มีเวลาก็อ่านหน่อย อ่านการ์ตูนก็ได้ ดีกว่าไม่อ่านอะไรเลย คนรู้จักเราบางคนตอนเด็กๆ เขาไม่อ่านหนังสืออะไรเลย โตขึ้นมาก็ไม่อ่าน พอเจอตัวหนังสือที่เขียนเยอะๆ หน่อยก็ปล่อยผ่าน คือคนไม่ชอบอ่านมันไม่อ่านจริงๆ พยายามบังคับตัวเองให้อ่านบ่อยๆ เราจะได้เคยชิน และอาจจะได้จินตนาการเพิ่มมากขึ้นด้วย (ยิ้ม)



เรื่อง จรัตพร โมรา 
ภาพ นภัสวรรณ นพอาภรณ์

0 comments
Other Magazine
or