“Aeh Syndrome” (เอ๊ะ ซินโดรม) โปรเจ็คการเป็นศิลปินเดี่ยวครั้งแรกของ “เอ๊ะ - พงศ์จักร พิษฐานพร” หรือพี่เอ๊ะ ละอองฟอง หรือครูเอ๊ะ จาก BNK48 (เอ๊ะบ่อยจัง?) บอกเลยว่าครั้งแรกที่เราได้เห็นลุคใหม่จากเขา ถึงกับต้องอุทานในใจว่า ‘ต้องทุ่มเทกันขนาดนี้เลยหรอ?’ ทั้งสีผมที่เปลี่ยนจากสีดำเข้มเป็นบลอนด์สว่างเบอร์ 10!!! และเสื้อผ้าสไตล์ดรัมเมเยอร์ที่จัดจ้านกว่าที่เคยเจอ ทำให้เราแน่ใจว่าการทำโปรเจ็คครั้งนี้ พี่แกไม่ได้มาเล่นๆ แน่นอน! และที่สำคัญ Aeh Syndrome คือศิลปินเบอร์แรกประเดิมค่ายเพลงน้องใหม่ ‘BUTTER’ (บัตเตอร์) อีกด้วย!!!
1
จุดเริ่มต้นที่ของคนที่มีความฝัน
คำถามแรกตามประสาคนที่ไม่รู้อะไรเลย... “Aeh Syndrome” คืออะไรคะ?
Aeh Syndrome : คือ อัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกในชีวิตของคนอายุ 45 ปี
BUTTER : โห! ถ้าอย่างนั้นในบทสัมภาษณ์นี้ต้องใช้คำสรรพนามว่า ‘พี่เอ๊ะ’ แล้วหล่ะสิ ><
Aeh Syndrome : ได้สิ! พูดเน้นๆ เลยว่ามันคืออัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกของคนอายุ 45 ปี! อายุมากขนาดนี้แล้ว การที่จะออกอัลบั้มแรกและเป็นอัลบั้มเดี่ยวในปัจจุบันมีโอกาสน้อยมากเลยนะที่คนอายุ 45 ปีออกอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มแรกทั้งๆ ที่อยู่ในวงการดนตรีมาเกือบ 20 ปีแล้ว ทำอะไรเยอะแยะไปหมด แต่วันนี้ได้ออกมายืนอยู่ข้างหน้าในฐานะนักร้องเดี่ยว ถือเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยากสำหรับวงการบันเทิงมากๆ ที่ตัดสินใจทำโปรเจ็ค Aeh Syndrome เพราะตัวพี่เอ๊ะเองเคยอยากเป็นนักร้องมาก่อน อยากเป็นศิลปิน อยากเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ ทำให้คนมีความสุข อยากทำให้ทุกคนสนุกไปกับพี่เอ๊ะ
รู้ตัวว่าอยากเป็นศิลปินเดี่ยวตอนไหน?
Aeh Syndrome : พี่เอ๊ะอยากเป็นนักร้องตั้งแต่ตอนเด็กๆ แล้ว และเคยประกวดร้องเพลงมาก่อนด้วย งาน Coke Duet Contest 1995 งานประกวดร้องเพลงจากอัลบั้มชุด ‘ขนนกกับดอกไม้’ ของ พี่เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว จริงๆ ไม่ค่อยอยากจะพูดถึงเรื่องเวลา แต่ก็ต้องพูด (หัวเราะ) ทำให้พี่เอ๊ะได้มีโอกาสเข้าไปทำเพลงในค่าย วันแรกที่เข้าค่ายก็ดันโชว์ความสามารถเยอะไปหน่อย ทั้งเล่นดนตรีและร้องเพลง จนทางค่ายเห็นว่าถ้าเล่นดนตรีได้ ลองทำวงดนตรีดูมั้ย? พี่เอ๊ะก็โอเค ตั้งวง ‘ละอองฟอง’ ขึ้นมา แล้วชีวิตก็เริ่มเปลี่ยน... เริ่มคิดว่าอยากจะเป็นนักดนตรีหรือเป็นนักร้องดี ตอนนั้นไม่แน่ใจเลย แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเป็นนักดนตรีดีกว่า
แล้วผลงานในตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง
Aeh Syndrome : อัลบั้มแรกก็ไม่ได้ร้องเพลงเลย (หัวเราะ) แต่ไม่เป็นไรทำอัลบั้ม 2 ต่อไป ตอนนั้นก็มีคิดนะว่าคนเรามีวาสนาไม่เท่ากัน นั่นแน่! มีดราม่าเล็กน้อย (หัวเราะ) พี่เอ๊ะคิดว่าแค่ได้เป็นนักดนตรีก็คงจะพอแล้ว ทำในสิ่งที่เราทำอยู่ มีความสุขให้สุดๆ หลังจากนั้นสักพักก็ได้มาอยู่กับค่าย SPICYDISC มีแอบๆ ขอร้องเพลงบ้าง จนมาถึงเพลง “แอบชอบ” ก็บอกกับสมาชิกในวงว่า “ขอพี่ร้องเพลงบ้างนะ พี่อยากร้องเพลง” (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็ได้ร้องมาเรื่อยๆ ดีใจมาก สำหรับพี่เอ๊ะในตอนนั้น แค่นั้นก็พอแล้ว ไม่ได้คาดหวังอะไรสูงกว่านั้นแล้ว
หลังจากเพลง “แอบชอบ” ของ ละอองฟอง ที่ช่วงนั้นผู้ฟังอย่างเราๆ เรียกกันว่าเป็นเพลงดัง ใครๆ ก็ร้องตามได้ ถือเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จมาก งานในวงการบันเทิงก็วิ่งเข้ามาหาพี่เอ๊ะไม่ขาด ทั้งงานละคร ภาพยนตร์ พิธีกร จนทำให้ตัวเขาต้องย้อนกลับมาคิดว่า เป็นเพราะอะไร ทำไมตัวเขาเองถึงได้มาอยู่จุดนี้...
พี่เอ๊ะคิดว่าคนรอบตัวมองพี่เอ๊ะเป็นแบบไหน?
Aeh Syndrome : ยอร์ช (ฤกษ์ชัย พวงเพ็ชร์) เคยบอกว่า ‘พี่เอ๊ะไม่เหมือนคนอื่น’ และจริงๆ แล้ว แมน (มือกีต้าร์ วงละอองฟอง) ก็เคยบอกนะ ‘พี่เอ๊ะ พี่แม่งไม่เหมือนคนอื่นเลยว่ะ พี่อย่าไปคิดนะว่าคนอื่นจะเหมือนพี่’ (หัวเราะ) แต่พี่เอ๊ะไม่เชื่อไง ก็คิดมาตลอดว่าทุกคนก็คงเหมือนเรานั่นแหละ เราไม่มีอะไรพิเศษ (หัวเราะ) จนช่วงหนึ่งก็มีโอกาสได้ทำ ‘SanQ Band’ (ภาพยนตร์ คิวชู…แล้วพรุ่งนี้เราคงจะรู้กัน) ร่วมกับ ‘แดน - วรเวช ดานุวงศ์’ ทำให้พี่เอ๊ะมีแรงบันดาลใจ แต่เหมือนกับพี่เอ๊ะเป็นหญ้าที่มีก้อนหินทับไว้ อยากเกิดมานานละ แต่ก็ไม่ได้เกิดสักที จนกระทั่งคนอื่นๆ เริ่มมองเห็นอะไรในตัวเรา เลยทำให้พี่เอ๊ะมั่นใจว่าเราน่าจะทำอะไรสักอย่าง ก็เลยนึกย้อนไปถึงจุดที่พี่เอ๊ะเคยประกวดร้องเพลงว่า ในตอนนั้นอยากเป็นนักร้อง แล้วทำไมเราไม่ยอมทำมันสักที และแดนก็พูดกับพี่เอ๊ะว่า ‘ผมเจอศิลปินนักร้องมาเยอะ ร่วมงานกับคนในวงการมาเยอะ ผมไม่เคยเห็นใครเหมือนพี่เลย พี่พิเศษกว่าคนอื่นนะ มันถึงเวลาแล้วแหละ ที่พี่จะต้องทำตามสิ่งที่พี่อยากทำได้แล้ว เรื่องวัยไม่เกี่ยว ผมมั่นใจ ถ้าคนเห็นพี่แล้วเขาจะรักพี่ว่ะ แต่พี่ต้องเป็นตัวของพี่จริงๆ’ แดนเป็นคนแรกที่เริ่มยกหินออกจากหญ้าพี่เอ๊ะ ทำให้หญ้าของพี่เอ๊ะเริ่มโตขึ้น
“เพราะไม่มั่นใจเลย อายุก็เยอะแล้ว แก่แล้ว และสิ่งที่เป็นอยู่ทุกวันนี้แค่นี้ก็พอแล้ว ไม่เคยคิดว่าจะต้องไปให้สุดทาง จนแดนพูดกับพี่เอ๊ะวันนั้น มันคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เริ่มกลับมาคิดและทำตามฝันต่อ...”
Aeh Syndrome
2
กำเนิดโปรเจ็คศิลปินเดี่ยว ในชื่อ Aeh Syndrome
“Aeh Syndrome” ชื่อนี้ได้มายังไง?
Aeh Syndrome : เพื่อนพี่เอ๊ะเป็นคนคิดครับ เป็นเพื่อนชาวออสเตรเลีย แต่คำว่า ‘Syndrome’ ก็มีความหมายว่ากลุ่มอาการของโรคอยู่แล้ว แล้วเพื่อนพี่เอ๊ะเห็นว่าพี่เป็นบ้า บ๊อง ทะเล้น สารพัดสิ่ง (หัวเราะ) ก็เลยกลายเป็น Aeh Syndrome ก่อนหน้านี้มีหลายชื่อมาก แต่สุดท้าย มาฟังคำว่า Syndrome แล้วรู้สึกว่ามันประหลาดดี ฟังแล้วรู้สึกว่า อาการ ‘เอ๊ะ’ คืออะไร? อยากให้คำว่า ‘เอ๊ะ’ กลายเป็นติดคำติดปาก พี่เอ๊ะแฮปปี้กับชื่อนี้มาก ‘“Aeh Syndrome” คือความแปลกใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
ครั้งแรกที่เสนอโปรเจ็ค ผลตอบรับเป็นยังไงบ้าง
Aeh Syndrome : พอพี่เอ๊ะเริ่มมีความมั่นใจ ก็เริ่มกล้าที่จะกระซิบบอกกับทางค่าย (BUTTER) ว่า “พร้อมแล้วที่จะเป็นศิลปินเดี่ยว” (หัวเราะ) ค่ายก็บอกว่าให้ทำเพลงมาแล้วกัน และครั้งแรกที่ทำเพลงคือเป็นเพลงน่ารักๆ สบายๆ ไม่ได้หลุดจากละอองฟองเลย จำได้ว่าวันนั้นที่เข้าห้องประชุมคือวันที่พี่เอ๊ะกลับไปร้องไห้ 3 - 4 วันเลย เพราะว่าวันนั้นทุกคนในที่ประชุมพูดว่า “เพลงธรรมดามาก ไม่เห็นจะดีเลย” คือต้องปรับทัศนคติตัวเองใหม่ทั้งหมด แต่ได้คำแนะนำกลับมาว่า “ลองเดินก้าวข้ามกำแพงของตัวเอง เคลียร์ตัวเองให้ได้ ถ้าอยากได้ตัวตนออกมาจริงๆ”
วันที่พังกำแพงของตัวเอง
Aeh Syndrome : ในขณะเดียวกัน พี่เอ๊ะสอนลูกศิษย์มาตลอดว่าทุกคนมีพีระมิดเป็นของตัวเอง เราไม่เคยยืนอยู่บนยอดพีระมิดของใคร และต้องเดินด้วยขาของตัวเองขึ้นไปบนยอดพีระมิดของคุณให้ได้ แต่ตัวเราเองไม่เคยเดินขึ้นพีระมิดตัวเองเลย จากนั้นมาก็เลยทลายกำแพงของตัวเองทั้งหมดแล้วดูว่าตัวเองเป็นคนยังไง บุคลิก คาแร็คเตอร์ เป็นคนสนุก เป็นคนไฮเปอร์ มีพลังงานด้านบวก อยู่กับใครๆ ก็สนุก ถึงจะบ้า ตลก ทะเล้น แต่ก็ไม่ได้ลามก อนาจาร หยาบคาย เราอยู่ด้วยแล้วอบอุ่น คุยได้ทุกเรื่อง นี่แหละคือสิ่งที่พี่เอ๊ะเป็น
“สิ่งแรกที่คิดคือ ถ้าค่ายกล้าที่จะไปกับพี่เอ๊ะ พี่เอ๊ะต้องทำยังไงก็ได้ให้ทุกคนเดินไปพร้อมๆ กัน ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ Aeh Syndrome คือสิ่งใหม่มากจริงๆ” Aeh Syndrome
คาแร็คเตอร์ของ Aeh Syndrome
Aeh Syndrome : พี่เอ๊ะว่าสิ่งนี้มันคือสิ่งที่ชัดที่สุดแล้ว มันเป็นใครไปไม่ได้นอกจากตัวเรา พี่เอ๊ะต้องเล่าตัวตนออกมาผ่านคาแรคเตอร์ให้ได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเป็น Aeh Syndrome เราก็ต้องไปให้สุด ต้องทำแบบที่ไม่มีขีดจำกัด ขีดจำกัดในที่นี้คือ... อะไรที่คนเขาไม่ทำเราทำ อะไรที่ไม่ธรรมดาเราทำ (หัวเราะ) พี่เอ๊ะเชื่อว่าน่าจะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ แต่สุดท้าย Aeh Syndrome ก็คือเอนเตอร์เทนเนอร์นั่นแหละ ไม่มีอะไรมากหรอก เป็นคนที่ทำให้ทุกคนมีความสุข
ตีความหมายเพลงตามคาแร็คเตอร์?
Aeh Syndrome : เรื่องเพลง พี่เอ๊ะทำงานอยู่ในวงการเพลงมานาน พอได้เริ่มทำ BNK48 ก็รู้แล้วว่าทำยังไงให้เพลงอยู่ในจุดที่คนพูดถึงให้ได้เยอะที่สุด 1. เพลงเพราะ 2. เพลงดี แต่ต้องยอมรับก่อนว่าปัจจุบันเพลงดีๆ จะผ่านมาแล้วผ่านไป พี่เอ๊ะเลยกลับมาคิดอีกทางนึง ถ้าเป็นเพลงเพราะที่ตลก มีท่อนจำ มีท่าเต้น คนจะพูดต่อกันเอง สุดท้ายคือตัวพี่เอ๊ะก็เป็นคนอย่างนั้นนี่หว่า เพียงแค่ไปตีกรอบให้มันออกมาเรียบง่าย ไม่หวือหวา ก็เลยดูไม่เป็นตัวเรา ใช้เวลาอยู่นานพอสมควรนะ กว่าที่จะทลายกำแพงตัวเองออกมาได้
3
Single แรกที่รอมาเกือบ 30 ปี
Single แรก "ชู้กะชู้"
Aeh Syndrome : คนกลุ่มแรกที่ได้ฟังเพลงนี้ คือ นักเรียน BNK48 ตอนนั้นเด็กๆ เพิ่งเริ่มเรียนกับพี่เอ๊ะเลย ซ้อมร้องเพลงเสร็จ พี่เอ๊ะก็ลองเปิดให้ฟังปรากฏว่าเด็กๆ ชอบมาก บางทีซ้อมอยู่เครียดๆ เด็กๆ ก็บอกว่า ‘ครู! เปิดชู้กะชู้หน่อยหนูอยากเต้น’ พอเริ่มมาแบบนี้ พี่เอ๊ะคิดในใจละ มันพอมีแววอยู่เว้ย เพลงที่เราทำ กลุ่มตัวอย่างนี้ทำให้พี่เอ๊ะเห็นว่า เด็กรุ่นใหม่พร้อมที่จะเปิดใจฟังเพลงแบบนี้ ก็เลยลองไปหากลุ่มตัวอย่างอีกกลุ่ม คือผู้ใหญ่ตอนนั้นนั่งรถไปไหนสักที่กับผู้ใหญ่อายุ 70 ปีแล้ว และก็มีเด็กๆ อายุประมาณ 12 - 13 ปีอยู่ด้วย ปรากฏว่าทุกคนชอบมาก ร้องตามกันหมด จนคุณแม่เขามาบอกว่า ‘คุณเอ๊ะคะ ลูกร้องเพลงตามทั้งคืนเลยค่ะ’ (หัวเราะ)
Aeh Syndrome : โปรเจ็คนี้คิดเยอะมาก ไม่ได้เครียดกับมันนะ แต่คิดว่าจะทํายังไงให้ทุกคนมองเห็นความเป็นตัวตนของพี่เอ๊ะมากที่สุด ทางดนตรี เนื้อร้อง คาเร็กเตอร์ ทุกอย่างเราพยายามทำออกมาให้เป็น Aeh Syndrome ก็คือตัวของเราเอง ทุกสิ่งอย่างคือความใหม่ แต่สุดท้ายความหมายมันก็คือ ‘ของแท้’ เพราะมันออกมาจากตัวตนของเราเองจริงๆ ไม่มีใครเป็น
วิธีเขียนเพลงแบบ Aeh Syndrome
Aeh Syndrome : พี่เอ๊ะเขียนเนื้อเพลงเองทั้งหมด ไม่มีอะไรมากเลยเราแค่ปลดปล่อย ไม่ได้ไปคิดเยอะ ไม่ได้ไปตีกรอบอะไร ตอนที่แต่งเพลงแรกของ Aeh Syndrome พี่เอ๊ะแค่นั่งเคาะโต๊ะแล้วก็รู้สึกว่า เออ มันได้! ก็เอาเลย (หัวเราะ) ต่างจากทุกเพลงที่เราเคยแต่งมา ที่จะต้องมีเหตุและผล หรือว่ามีเหตุการณ์ในเพลงที่ต้องคิดเยอะ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็นเพลง อันนี้ก็ถือว่าเปลี่ยนวิธีการทำเพลงทั้งหมดเลย ไม่มีเหตุและผล เอาความรู้สึกมาเล่า ออกมาจากความรู้สึกล้วนๆ
เรื่องท่าเต้นหล่ะ?
Aeh Syndrome : พี่เอ๊ะมองเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว จะมีท่าเต้นทุกเพลง ทุก เพลง! (เน้นเสียง) เต้นให้ยับ! เต้นแบบที่คนวัย 45 ปีคนอื่นเขาทำไม่ได้ (หัวเราะ) ยกเว้นพี่เบิร์ดแค่คนเดียวนะ …แต่พี่เบิร์ดก็คงไม่มาเต้นท่าบ้าๆ บอๆ เหมือนกับพี่เอ๊ะหรอก (หัวเราะ)
ฝาก Aeh Syndrome ไว้ในอ้อมใจแฟนๆ หน่อย
Aeh Syndrome : กว่า 30 ปีที่พี่เอ๊ะมุ่งมั่น ตั้งใจ พยายามทำตามความฝันด้านดนตรี จนถึงวันที่ประสบความสำเร็จ ได้ยืนอยู่บนยอดพีระมิดของตัวเอง ตอนนี้พี่เอ๊ะพร้อมแล้วที่จะแชร์ผลงาน บอกเล่าความตั้งใจ แจกจ่ายพลังบวกและความสนุกสนานให้ทุกๆ คนได้สัมผัส วันที่ 13 มีนาคมนี้ อย่าลืมรอดู MV “ชู้กะชู้” กันนะจ๊ะ!!!!!
Facebook >> Aeh Syndrome
Youtube >> BUTTER