ฉันไม่เคยจะเหงา ไม่คิดถึงเลย... แต่เชื่อว่าแฟนคลับของ Nap A Lean คงจะเหงามากๆ เพราะนานแล้วเหมือนกันที่เราไม่ได้ฟังเพลงใหม่ของพวกเขา
รอหน่อยนะครับ ทุกๆ ผลงานมีความหมายกับพวกเรามาก อดทนอีกนิดเดียวนะจ๊ะ “ฮั้ว - พิสิฐ สมบัติพินพง” มือกีต้าร์ของวง ได้กล่าวกับ Spicydisc ไว้ แต่เดี๋ยวก่อน! ไหนๆ ก็เจอกันแล้วขอรบกวนเวลาหนุ่มฮั้วมาคุยกันก่อนแล้วกัน เพราะเราเองบังเอิญไปเจอ Instagram ลับของฮั้วเข้าให้ ต้องให้เจ้าตัวอธิบายซะหน่อย!
“ไม่ใช่ Instagram ลับอะไรเลยครับ มันคือ Instagram สำหรับลงรูปที่เราถ่าย (ยิ้ม) เพราะว่าเมื่อก่อนเวลาที่เราลงรูปถ่าย มันก็จะถูกขั้นด้วยรูปงานไม่ก็โปรโมทคอนเสิร์ต เราว่ามันไม่สวยอะ (หัวเราะ) คือเราชอบให้รูปถ่ายอยู่ด้วยกัน เหมือนแกลลอรี่อะไร ก็เลยตัดสินใจอินสตาแกรมอีกอันขึ้นมาดีกว่า พอลงได้สัก 5 - 6 รูป เรามาดูก็รู้สึกว่า เห้ย! มันมาอยู่ด้วยกันแล้วสวยดีว่ะ ค่อยดูเป็นเรื่องราวเดียวกันหน่อย”
“รูปภาพที่ถ่ายด้วยฟิลม์เวลามันอยู่ด้วยกันแล้วอ่ะ เวลามันอยู่ด้วยกันมันรู้สึกดีกว่า จริงๆ ไม่เชื่อลองทำดูสิ”
จุดเริ่มต้นของการถ่ายรูป
ฮั้ว : เริ่มถ่ายรูปตั้งแต่ ม.ปลาย ครับ ประมาณปี 2548 เพราะที่บ้านมีกล้องฟิล์มอยู่แล้ว พอเข้าปี 1 ที่คณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่นเราเป็นปีสุดท้ายที่เรียนการถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม ล้างรูปเอง อัดรูปเอง ทำเองทุกอย่าง แล้วรุ่นถัดมาก็เปลี่ยนเป็นดิจิทัล เลยมีโอกาสได้ใช้กล้องฟิล์มและเรียนรู้กระบวนการต่างๆ ของการถ่ายภาพฟิล์มตั้งแต่ตอนนั้นครับ พอครั้งแรกเป็นกล้องฟิล์ม เลยกลายเป็นคนถ่ายรูปจากกล้องฟิล์มมาตลอด
กล้องตัวแรก...
ฮั้ว : เชื่อมั้ยว่ากล้องตัวแรกก็คือกล้องที่ใช้ปัจจุบันนี้แหละ ตอนนี้ยังใช้อยู่เลย รุ่น Canon EOS 300V เป็นกล้องฟิลม์ที่เป็นระบบวัดแสงแบบกล้องดิจิทัลละ เราไม่ต้องหมุนวัดแสงเอง โฟกัสก็ออโต้ มันคือกล้องฟิล์มรุ่นท้ายๆ แล้วก็มีอีกตัวคือ Nikon FM2 ตอนเรียนปี 1 ที่คณะบังคับให้ใช้เพราะจะได้เป็นมาตราฐานเดียวกัน ก็ใช้ 2 รุ่นนี้มาตลอดครับ จริงๆ แล้วกล้อง Canon ตัวแรกของเราก็คือของคุณแม่ครับ มันเป็นกล้องฟิล์มที่ดีมากเลยนะ
คุณแม่ก็ชอบถ่ายรูปเหมือนกัน?
ฮั้ว : ตอนนั้นที่บ้านทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างครับ คุณแม่เลยต้องมีกล้องไว้ถ่ายงาน โชคดีที่ตัวงานต้องการได้ภาพที่มีคุณภาพดี แม่ก็เลยใช้กล้องแบบมืออาชีพหน่อย ต้องเป็นกล้องเลนส์ไวด์ (Wide Angle Lens) อะไรอย่างงี้ เราก็เลยได้รับสืบทอดต่อมาเลย จะเรียกรับสืบทอดก็ไม่ได้แฮะ เรายึดมาเลย (หัวเราะ) เพราะว่าหลังจากนั้นไม่นานคุณแม่ก็เปลี่ยนไปใช้กล้อง Compact มาใช้ กล้องตัวนี้ไม่ได้ถูกใช้งาน อยู่ในตู้เก็บของไม่มีใครใช้ เราก็เลยเก็บมาใช้
ไม่ได้ใช้กล้อง Mirrorless เลยครับ หมายถึงว่าที่ซื้อเป็นของตัวเองก็จะมีแต่กล้องฟิลม์หมดเลย แต่ถ้าใช้ทำงานก็ใช้ DSLR ของที่ทำงาน
หลงเสน่ห์อะไรในกล้องฟิล์ม
ฮั้ว : ก็หลายอย่างนะ กล้องฟิล์มเขาก็จะมีโทนสีของเขาที่กล้องดิจิทัลทำไม่ได้ เราชอบตอนที่เรากดชัตเตอร์ถ่าย แล้วก็เหมือนเรามีความสุขกับมันมากๆ ในหนึ่งรูป ชอบช่วงเวลาที่เราอาจจะลืมไปแล้ว ผ่านไปเกือบเดือนแล้วเพิ่งไปล้างรูป พอเราเห็นรูปก็จะคิดถึงตอนนั้น ว่าเราถ่ายรูปอะไรไปบ้าง รูปนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เราแค่รู้สึกว่ากล้องฟิลม์มันมีชีวิตชีวามากกว่ากล้องดิจิทัลมากๆ เพราะทุกรูปก่อนที่เราจะลั่นชัตเตอร์ไปเราจะให้ความสำคัญกับมัน ไม่ใช่เพราะว่าฟิล์มม้วนนึงมันแพง หรือมีน้อย คือมันต้องเป็นอะไรก็ตามที่เราอยากจะถ่ายจริงๆ เลยทำให้เราจดจำเรื่องราว ณ ขณะนั้นได้ ไม่ว่าจะนานขนาดไหน ไม่เหมือนกับการที่เราจะหยิบโทรศัพท์มาถ่ายอะไรสักอย่างแล้วก็ถ่ายไปเรื่อยเปื่อยอะ ในความรู้สึกเรานะ
ฟิล์มม้วนแรก
ฮั้ว : ฟิล์มม้วนแรกที่ล้างไม่ได้มาจากกล้องตัวแรกที่ใช้ งงมั้ย? (หัวเราะ) ฟิล์มม้วนแรกที่ล้างเป็นกล้องทอย ตอนนั้นประมาณ ม.6 เป็นกล้องเลนส์ฟิชอาย (Fisheye Lens) รูปที่ออกมาก็จะกลมๆ หน่อย เหมือนปากกา the dog อะ ทันกันมั้ย (หัวเราะ) ถ่ายสนุกมาก ชอบชอบ ตัวนี้ถ่ายหมดม้วนก่อนก็เลยล้างก่อน แล้ว View finder ก็เป็นกลมๆ เหมือนกับภาพจริงที่ได้เห็น ดูกวนๆ ดีเน้อะ เป็นของเล่นที่เฟี้ยวมาก
ชอบถ่ายรูปแนวไหน
ฮั้ว : ชอบถ่ายไปเรื่อยๆ ครับ เราไม่ได้ตีกรอบว่า "เห้ย ! ฉันเป็นช่างภาพสตรีท ฉันจะถ่ายแต่สตรีท แต่พอเดินไปเจอแลนด์สเคปสวยๆ ฉันไม่ถ่ายเพราะฉันเป็นช่างภาพสตรีท” อะไรอย่างนี้ เราควรจะถ่ายสิ่งที่เราอยากถ่ายมากกว่า หมายถึงว่าอยากจะถ่ายคนก็ถ่าย อยากถ่ายวิวท้องฟ้าก็ถ่าย ทั้งหมดที่ถ่ายไปไม่ได้เอาไปอวดใครหรอก ก็เก็บไว้ให้ตัวเองดู พอย้อนกลับมาดูเราก็จะจำว่าตอนนั้นเราถ่ายรูปนี้ที่ไหน กับใคร เมื่อไร อินสตาแกรมเราทำขึ้นมาก็เพื่อสิ่งนี้แหละ เอาไว้บันทึกความทรงจำ
ภาพประทับใจ
ฮั้ว : มีอยู่รูปหนึ่งที่เราขับมอเตอร์ไซค์แล้วถ่ายรูปไปด้วย คือมือนึงบิดคันเร่ง อีกมือก็กดชัตเตอร์ เด็กๆ อ่านแล้วอย่าทำตามนะ อันตราย รูปที่ออกมาคือไฟข้างถนนมันกลายเป็นรูปนกบินเรียงกันอะ หลายคนชอบรูปนั้นมากเลยนะ เราก็ชอบ ซึ่งอะไรแบบนี้มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้ามัวแต่รอความคิดเห็นของคนอื่น บางครั้งการถ่ายรูปก็จะได้เรื่องอะไรแบบนี้ เรื่องการเชื่อมั่นในตัวเอง ตอนที่ทำอาจจะไม่ค่อยดี แต่ผลลัพท์อาจจะดีก็ได้ (หัวเราะ)
ความสนุกของการเล่นดนตรีกับการถ่ายรูป
ฮั้ว : ก็คล้ายๆ กันนะครับ คือกล้องฟิล์มจะมีเสน่ห์ตรงที่เราจะไม่มีทางรู้เลยว่ารูปจะออกมาเป็นยังไง มันเซอร์ไพรส์แม้กระทั้งคนที่กดชัตเตอร์ถ่ายเองกับมือ อย่างถ้าเราเล็งสักมุมหนึ่งไว้ มีภาพอยู่ในหัวแล้ว เชื่อเถอะว่าภาพที่ถ่ายออกมามันไม่ใช่อย่างที่เราคิดเลย ยิ่งกล้องเก่าๆ ยิ่งบังคับยาก เพราะนี่คือเสน่ห์ของการถ่ายรูปด้วยกล้องฟิล์ม เราสนุกทุกครั้งที่เวลามาเปิดฟิล์มที่ล้าง แล้วก็ตื่นเต้นทุกครั้งเวลาที่ถ่ายเสร็จ เพราะอยากจะเห็นฝีมือตัวเองเร็วๆ
การเล่นดนตรีก็เหมือนกัน คนดูก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สถานที่ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ อุปกรณ์, เวที ก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้การโชว์แต่ละครั้งไม่เหมือนกันเลย บางทีเราก็เล่นอันนี้ขึ้นมา แบบที่อยากจะเล่นก็เล่น เพื่อนๆ ในวงก็จะหันมามองหน้า “มึงเล่นอะไรวะ?" (หัวเราะ) มันให้ความรู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนกันกับภาพถ่ายจากฟิล์มเลย
เราเป็นคนที่เล่นกีต้าร์ก็ค่อนข้างเซอร์ไพรส์ตัวเองเหมือนกัน บางทีเราก็ไม่คิดว่าเสียงกีต้าร์แบบนี้จะออกมาจากเรา “เล่นอย่างนี้ได้ด้วยหรอวะ? ชอบว่ะ"
การทำวงดนตรีกับการถ่ายภาพให้หมดสักม้วนหนึ่งมันคล้ายกันไหม?
ฮั้ว : อันนี้เราว่าไม่เหมือนกันเลย ถ้าถ่ายรูปเราจะเอาแต่ใจนิดนึง เรารู้แหละว่าถ่ายมาแล้วอาจจะไม่สวย แต่ก็อยากจะเสี่ยงดูว่าระหว่างกล้องเสียๆ กับวิวสวยๆ รวมกันแล้วจะออกมาเป็นยังไง การถ่ายรูปก็แล้วแต่เรา แต่ถ้าเกิดมีคนหารค่าฟิล์มกับเราก็จะมีการออกความเห็นละ “คิดดีๆ ดิ รูปละตั้งสิบห้าบาท รวมค่าอัดด้วยเนี่ย จะถ่ายมาถามก่อน จ่ายค่าฟิล์มด้วยกันนะเว้ย" อะไรอย่างนี้ แต่ถ้าเราเป็นคนที่ตัดสินใจทั้งหมด ผลที่ออกมามันจะเฟลมันก็เฟล ถ้ารูปนั้นออกมาห่วยมากเราก็จำได้ว่ามันห่วยเพราะว่าเราตัดสินใจทำมัน แต่สำหรับการทำวง แค่จำนวนคนก็ต่างแล้ว แต่ละคนก็มีความคิดเห็นคนละแบบ ต้องหาจุดที่ทุกคนพอใจ จะเป็นเราพอใจคนเดียวไม่ได้
ถ้านิยามให้ Nap a Lean เป็นภาพถ่าย จะเป็นภาพถ่ายอะไร
ฮั้ว : "ภาพถ่ายติดวิญญาณหลอน" (หัวเราะ) หมายถึงภาพที่มีชีวิตชีวา เป็นภาพนิ่งที่มีชีวิตจริง เวลาที่ได้ดูรูปนี้ก็รู้สึกว่าโพสท่าไม่เหมือนเดิม ทั้งๆ ที่โพสท่าเดิม คือมันดูมีชีวิตชีวามาก จนเราคิดว่ามันขยับอยู่ เป็นภาพผีไปเลย
ตอนนี้ Nap a Lean เป็นยังไงบ้าง?
ฮั้ว : กำลังทำเพลงกันอย่างขมักเขม้นครับ เร็วๆ นี้จะมีเพลงที่น่าจะเพราะมากๆ ออกมาให้ฟัง ติดอยู่นิดเดียวคือยังไม่ลงตัว สมาชิกในวงคิดว่ายังไม่ค่อยชอบ เพราะเราอยากทำให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลังว่าวันนั้นไม่น่าปล่อยเพลงนั้นไปเลย ก็เลยคิดว่าพวกเราเองน่าจะรู้สึกกับมันในระดับหนึ่งก่อน ถึงจะปล่อยออกไปให้ทุกคนฟังครับ
ฝากอะไรถึงแฟนๆ ของ Nap a Lean ที่กำลังรอฟังเพลงใหม่หน่อย
ฮั้ว : สำหรับคนที่รอฟังเพลงของพวกเรา รอหน่อยละกันนะครับ ทุกๆ ผลงานมีความหมายกับเรามากจริงๆ พวกเราไม่เคยดูถูกคนฟังเลย และเราคาดหวังว่าจะผลิตงานเพลงที่ดีที่สุดไปให้คนฟังที่น่ารักที่สุดตลอดไปครับ (ยิ้ม)
Follow instagram
เรื่อง จรัตพร โมรา
ภาพ Spicy disc, Huan Scape