“เสียงใครอะ?”
“พี่คนที่ร้องเพลงคือใครคะ?”
ประโยคด้านบนคือคอมเมนท์แรกๆ ที่มีมาตั้งแต่ Mild เริ่มปล่อย Teaser ท่อนฮุคสั้นๆ ให้ทุกคนฟัง “ดีต่อใจ” เพลงใหม่ล่าสุดจากอัลบั้ม MI4D ของหนุ่มๆ วง Mild ที่หลายคนฟังแล้วนึกไม่ออกว่าเป็นเสียงใคร? เพราะเพลงนี้เป้ (MILDVOCALIST) บอกกับสมาชิกในวงว่าจะไม่ร้อง เพราะฟังดูแล้วไม่เข้ากับตัวเขาเลย
อ้าว ถ้าเป้ไม่ร้องแล้วใครจะร้องหล่ะ?...
หวยออกที่มือแซ็กโซโฟน เพลงนี้จึงได้ ‘เป้ - ไพสิฐ คำกลั่น’ หรือ Pae Sax Mild สมาชิกในวงที่น้อยคนจะรู้ว่าเขาร้องเพลงได้ (เสียงละมุนมากด้วย ><)
“จริงๆ เคยคุยกันไว้นานแล้วเรื่องที่จะให้เราร้องเพลง แล้วพอดีว่ามีเพลงที่น้องเบิ้ม (60Miles) ที่เป็นทีมทำเพลงด้วยกันใน HOH Music Production เขียนไว้ เรามีการส่งเพลงให้กันฟังตลอดเวลาแล้วบังเอิญเพลงนี้ของน้องเบิ้มมาถูกตาต้องใจเราพอดี พอสมาชิกวง Mild มาฟังก็ชอบเลยหยิบเพลงนี้มาใส่ในอัลบั้ม แต่คุณเป้เขาไม่ยอมร้องเพลงนี้ เพราะมันเขิน (หัวเราะ) เพื่อนๆ ก็เลยโอนมาให้เราร้อง แล้วคุณเป้ก็แร็ปเต็มตัวในเพลงนี้”
สมาชิกในวงมีตั้งหลายคน ทำไมเพื่อนลงเสียงให้เป็นคุณ?
“จริงๆ เราร้องเพลงมานานมากแล้วนะ ตอนที่ยังไม่เจอวง Mild เราก็เป็นนักร้องในวงๆ หนึ่งอยู่แล้ว พอ Mild มารวมตัวกัน เราก็เคยมีโอกาสร้องเพลงในอัลบั้ม 2 ลองไปหาฟังดู เป็นเพลงหน้าบีที่ไม่ใช่เพลงโปรโมท เพื่อนๆ ก็เลยคุยกันว่าอยากให้คนที่ฟังเพลง Mild รู้ว่าเราร้องเพลงได้ เลยเลือกให้เราร้องเพลงนี้”
ความรู้สึกแรกที่รู้ว่าจะได้เป็นนักร้อง...
“ตื่นเต้นมากๆ ทั้งที่เคยร้องเพลงมาก่อน แต่ว่าไม่เคยที่จะถูกปล่อยแบบเป็นทางการ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทำ ทั้งตื่นเต้นทั้งคาดหวัง แต่ก็ไม่กล้าคาดหวังมากมายอะไรนะ (หัวเราะ) แค่ได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำก็ดีใจมากละ”
อย่างนี้ก็ต้องทำหน้าที่ใหม่บนเวทีล่ะสิ แล้วความรู้สึกของมือแซ็กโซโฟนกับนักร้องจะรู้สึกต่างกันไหม?
“คงรู้สึกต่างแหละ เพราะโจทย์ของเรากับวงคือเราเป็นมือแซ็กโซโฟนมาตลอด อาจจะมีไปเล่นกีต้าร์โปร่งบ้าง แต่อันนี้ต้องมาร้องเพลงเป็นฟรอนท์แมน ซึ่งจริงๆ มาถามตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เพราะยังไม่ได้เอาเพลงนี้ไปโชว์ที่ไหนเลย (หัวเราะ) แต่คิดว่าคงเป็นสิ่งที่เราน่าจะทำได้อยู่แหละ เราว่าจะใครในวง หรือนักดนตรีคนไหนก็ตาม คงทำได้อยู่แล้ว เราเชื่อว่าใครๆ ก็ทำได้”
ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง
“คงต้องเตรียมร้องเพลงให้ดี (หัวเราะ) คือตั้งใจมากๆ เพลงนี้เราเลยเลือกที่จะไม่เป่าแซ็กโซโฟนเลย เพราะต้องการที่จะโฟกัสในการร้องให้ดีที่สุด”
“เราว่าการเป็นนักร้องกับนักดนตรี มันมีเสน่ห์ที่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าการอยู่บนเวทีนั้นบทบาทจริงๆของเรา เราทำอะไรกันแน่ อย่างการเล่นแซ็กโซโฟนคือการ support ถ้าเทียบกับฟุตบอลก็คือเป็นกองกลาง ที่สามารถขึ้นไปยิงประตูได้ด้วยในช่วงโซโล่ แต่พอมาเป็นนักร้องก็จะกลายมาเป็นกองหน้าที่ต้องยิงประตู เพราะฉะนั้นเป้าหมายคือการเข้าไปยิงประตูเหมือนกันทั้งสองหน้าที่ เราต้องทำออกมาให้คนฟังมีความสุขแค่นั้นเอง”
เล่าเรื่อง “ดีต่อใจ” ให้ฟังหน่อย
“ดีต่อใจ เป็นเพลงป๊อปใสๆ เลยครับ จริงๆ เพลง Pop เป็นตัวตนของ Mild เลยนะ เราโตมาในแนวเพลง Variety Pop การทำดนตรีเพลงนี้ก็ไม่ค่อยยากนะ อย่างที่บอกว่าเราทำเพลงแนว Variety Pop อยู่แล้วแต่ที่ยากก็คือทำยังไงให้มันแตกต่างจากเดิม แต่ยังมีพื้นฐานของความเป็น Pop สนุกดีครับ เป็นเพลงที่พวกเราทำงานกันสนุกมาก เรียกว่าเป็นตัวตนใดก็ได้ เราเองก็ชอบร้องเพลงแนวนี้อยู่แล้ว เหมือนได้กลับไปฟังมายในยุคแรก”
เพราะความเหงาสิ่งใครๆ ก็รู้สึก...
“ใช่ เพราะเราเองก็คิดว่าคนโสดอาจจะมากกว่าคนมีคู่ในโลกนี้ เพราะประชากรโลกเยอะมาก (หัวเราะ) ส่วนเรื่องความเหงาบางทีคนมีคู่ก็เหงาได้นะ เวลาที่ต้องห่างกันอะไรอย่างงี้ แต่เนื้อหาของเพลงนี้พูดถึงคนที่ยังไม่มีคู่ คนโสดที่บ่นๆ ว่าถ้ามีคนอยู่ข้างๆ ก็จะดีนะ แบบส่องกระจกแล้วถามตัวเองว่าทำไมต้องเป็นเราด้วยวะที่ไม่มีคู่ เอาจริงๆ ก็เพ้อเจ้อมากเลย เพ้อไปเรื่อย (หัวเราะ) แต่ไม่ใช่เพลงอกหักหรือเศร้าใจอะไรขนาดนั้น เรียกว่าเป็นเพลงที่พูดถึงความเหงาอีกอีกแง่มุมหนึ่งดีกว่า”
นอกจากการเปลี่ยนนักร้องแล้ว เพลงนี้มีอะไรน่าสนใจกว่าเพลงอื่นๆ บ้าง
“เราว่าความโดดเด่นและแตกต่างมันอยู่ที่ตัวตนมากกว่า เอาจริงๆ เพลงมันก็เหมือนกันหมดแหละ ดนตรีมีแค่ 12 โน้ตอะ หนีกันไม่ไกลอยู่แล้ว อย่างเพลงนี้พอเป็นเสียงร้องของเรา มันก็ออกมาเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเป็นเสียงร้องของคุณเป้ ก็จะออกมาเป็นอีกรูปแบบ ดังนั้นตัวตนของคนๆ นั้นน่าจะบอกความชัดเจนได้ดี Identity อยู่ที่ตัวคน และที่สำคัญคือเราต้องทำอย่างมีประสิทธิภาพและดีที่สุด สุดท้ายสิ่งที่ทำก็จะออกมาจากตัวเองครับ”
เรื่อง จรัตพร โมรา
ภาพ Spicy disc