ความเป็น Rapper ที่ไม่ได้แสร้งทำ : MILDVOCALIST

43.1K View

ตลอดการพูดคุยกับ ‘เป้ - บดินทร์ เจริญราษฎร์’ หรือ เป้ MILDVOCALIST เราอยากให้ผู้อ่านได้เห็นสีหน้าของเป้ตอนที่พูดคุยเหลือเกิน พนันได้เลยว่าคุณจะเชื่อจนหมดใจว่าสิ่งที่เขาเป็น ไม่ใช่ความพยายามที่จะเป็น แต่ทุกอย่างที่เราเห็นเป็นความหลงใหลและหลงรัก Hip-Hop ที่ออกมาจากตัวตนและหัวใจของเขาจริงๆ


เอาจริงๆ น้อยคนนักที่จะรู้ ว่าเป้หลงรักวัฒนธรรม Hip-Hop ตั้งแต่มัธยม

“วันนั้นพอดูหนังเรื่อง ‘8 MILE’ จบ เราเลิกใช้กระเป๋านักเรียน แล้วเอาของทั้งหมดใส่ถุงดำแบกไปโรงเรียนแทน ในขณะที่ตอนนั้นทุกคนจะใช้กระเป๋า jansport ไม่ก็ outdoor daypack กันหมด เพราะหนังเรื่องนี้มันให้แรงบันดาลใจมาก ไม่ใช่แค่เราแต่ให้กับคนที่รักและอยากจะเป็นนักดนตรีทุกคน” เป้เล่าด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง แต่นัยน์ตาเป็นประกายที่เราเห็นนั้นเป็นความรู้สึกของคนที่มีความสุขเมื่อได้พูดถึงสิ่งที่ตัวเองรัก

ด้วยความที่เมื่อก่อนภาพยนตร์เกี่ยวกับดนตรีในบ้านเรามีไม่มากนัก ทำให้เป้หลงใหลและหลงรักภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ถึงขั้นเก็บเงินซื้อเสื้อผ้าสไตล์ฮิปฮอปมาใส่แบบเต็มสูบ เป็นโชคดีในตอนนั้นอากาศที่เชียงใหม่บ้านเกิดยังหนาวพอสูสีกับต่างประเทศอยู่บ้าง เลยแต่งตัวได้อย่างไม่เคอะเขินเท่าไหร่

“ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากจะเป็นแร็ปเปอร์จังเลย จะทำอะไรจะพูดอะไรก็เท่ ด่ากันยังเป็นกาพย์ เป็นกลอนได้ การแต่งตัวก็เท่ เราก็เริ่มแต่งตัวแบบเขาก่อน แฟชั่นจ๋าไปเลยเต็มที่มาก เสื้อทรง Oversize กางเกง Dickies, รองเท้า Reebok ไม่ได้แต่งไปโรงเรียนนะ แต่ถ้าหลังเลิกเรียนเราต้องไปซ้อมบาส เราก็จะถอดชุดนักเรียนแล้วเปลี่ยนเป็นชุดฮิปฮอปเพื่อไปซ้อมบาสเลย (หัวเราะ) ชอบมาก” พูดจบเป้ก็หัวเราะไปสักพัก อาจจะขำตัวเองที่บ้าแฟชั่นมากเกินไป เพราะเราเองก็ยังอดยิ้มตามไม่ได้


"ในเวลา 5 นาที เพลงฮิปฮอปสามารถเล่าชีวิตของคนๆ หนึ่งทั้งชีวิตได้ ในขณะที่ดนตรีแนวอื่นใช้เวลา 5 นาทีเพื่อพูดคำๆ เดียว"



ไม่ใช่แค่แฟชั่นกับดนตรี Hip-Hop เท่านั้นที่เป้หลงรัก... 

“อีกเหตุผลหนึ่งที่ชอบเพลงฮิปฮอป คือ ในเวลา 5 นาที เพลงฮิปฮอปสามารถเล่าชีวิตของคนๆ หนึ่งทั้งชีวิตได้ ในขณะที่ดนตรีแนวอื่นใช้เวลา 5 นาทีเพื่อพูดคำๆ เดียว” ประโยคนี้ทำเอาต้องอุทานในใจว่า เออว่ะ...

“เราว่ามันเป็นเพลงเพื่อชีวิตด้วย ทุกอย่างมันถูกเขียนขึ้นมาจากชีวิตจริงทั้งนั้นเลย มันเกิดจากความเจ็บช้ำน้ำใจของคนดำ ที่ไม่มีโอกาสได้เรียนรู้เรื่องดนตรีเหมือนคนอื่นๆ ได้แผ่นซีดีมาไม่รู้จะเอาไปทำอะไรก็เอามาดัดแปลงเป็น Turntables จนกลายเป็นวัฒนธรรม DJ อยากวาดรูปแต่ไม่มีผ้าใบก็เลยไปวาดที่กำแพงเป็นกราฟิตี้ เต้นแจ๊สไม่เป็นเพราะไม่เคยไปเรียน ก็จับท่าเต้นมาเป็นเบรกแดนซ์ มันเจ๋งมาก” 


ถ้าเป้จะชอบและหลงรักวัฒนธรรมฮิปฮอปขนาดนี้ เราก็ไม่พลาดที่จะถาม ว่าแร็ปเปอร์คนไทยคนโปรดของเขาเป็นใคร “พี่ขัน Thaitanium ในตอนนั้นเราพยายามหาแร็ปเปอร์ในเมืองไทย แต่ก็หาไม่เจอสักที จนกระทั่งได้รู้จัก AA Crew ที่ตอนนั้นเป็นเพลงใต้ดิน เพราะเมื่อก่อนเมืองไทยเราจะไม่ยอมให้เพลงมีคำหยาบหลุดออกมาเลย จะเซ็นเซอร์หมดทุกอย่าง ต้องแอบๆ ฟังกัน ต้องฝากเพื่อนที่กรุงเทพฯ ซื้อเทป แล้วส่งมาที่เชียงใหม่” 


วันแรกของการเป็น Rapper

“ถนนคนเดิน จังหวัดเชียงใหม่ ที่นั่นแหละที่แรกเลย (ยิ้ม)” นักดนตรีคู่ใจที่ไปกับเป้ในวันนั้นก็คือ เต่า (กีต้าร์ วง Mild) กับ ขุน (เบส วง Mild) สมาชิกวง Mild ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกันมาจนถึงทุกวันนี้ เชื่อแล้วว่ามิตรภาพของ Mild ยาวนานจริงๆ เพราะตอนนั้นพวกเขาอยู่ในวัยมัธยมกันอยู่เลย 

“ก็ให้เต่าเล่นกีต้าร์โปร่ง ขุนก็ไปเล่นเบสให้ ไอเราก็แต่งตัวจัดเต็มไปเลย เพลงแรกที่ร้องคือ Loose yourself - Eminem กระแสตอบรับก็ดีนะ ใช้ได้เลย เพราะว่ามันแปลก (หัวเราะ) ก็ไม่มีใครทำไง” เป้ก็ยังเล่าไปยิ้มไปเหมือนเดิม “พอดีว่าช่วงนั้นดนตรีฮิปฮอปกำลังมีอิทธิพลกับดนตรีแนวอื่นๆ มาก Linkin Park ก็เริ่มมา Korn ด้วย คือทุกอย่างมันเริ่มเป็นฮิปฮอปไปหมด เลยกลายเป็นว่าเหมือนเราเป็นผู้นำเส้นทางนี้ที่เชียงใหม่ เรารู้จักก่อน ก็เท่เลย (ยิ้ม)” 



"เราโดนเพื่อนๆ เบรกไว้ เขาคงรู้แหละว่าวงการเพลงไทยในตอนนั้นยังไม่ได้ต้องการอะไรแบบที่เราอยากทำมากเท่าไหร่ ถ้าไปทางฮิปฮอปเต็มตัวคงไม่มีใครฟัง"

ข้อสงสัยยังไม่หมด ทั้งๆ ที่เป้ชอบดนตรีฮิปฮอปมาก และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งวง Mild แต่เพลงแรกที่ Mild เริ่มทำอัลบั้มกลับไม่ใช่สไตล์ฮิปฮอป “Mild ช่วงแรกเป็นป๊อบธรรมดาๆ เลย เพราะเราโดนเพื่อนๆ เบรกไว้ เขาคงรู้แหละว่าวงการเพลงไทยในตอนนั้นยังไม่ได้ต้องการอะไรแบบที่เราอยากทำมากเท่าไหร่ ถ้าไปทางฮิปฮอปเต็มตัวคงไม่มีใครฟัง”

“แร็ปทั้งเพลงก็มีนะ อัลบั้มที่ 2 ชื่อเพลงว่า ‘Welcome To The Night Live’ และส่วนใหญ่เราจะแอบใส่แร็ปเข้าไปอยู่แล้ว แต่เป็นการร้องเร็วๆ ไม่ได้แร็ปจ๋าขนาดนั้น ร้องรัวๆ ติดๆ กัน ขอใส่หน่อยเพราะเราอยากให้มันมีในเพลงบ้าง (หัวเราะ)”


Hip-Hop ให้อะไรมากกว่าที่คิด...

  “หลักๆ เลย คือเรื่องภาษา เราได้ภาษาอังกฤษจากการฟังเพลงฮิปฮอป เพราะเพลงฮิปฮอปในตอนนั้นมีแต่ภาษาอังกฤษ (หัวเราะ) ได้จากการดูภาพยนตร์บ้าง จนสุดท้ายตัดสินใจไปเรียนคณะมนุษยศาสตร์ ภาควิชาภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ธีสิสเราก็ทำเรื่องพวกนี้นะ เกี่ยวกับคอนเสิร์ตและวัฒนธรรมของดนตรีฮิปฮอป”


โปรเจ็กในอนาคต

“อยากทำอัลบั้มฮิปฮอป ถ้าเป็นไปได้นะ เราตั้งใจไว้นานมากแล้ว แต่อยากทำเป็นดนตรีสด เพราะว่าดนตรีฮิปฮอปส่วนใหญ่จะมีบีทเป็นเอกลักษณ์ของเขาอยู่แล้ว เราเลยอยากลองทำเป็นดนตรีสด จะได้ดูแตกต่างจากคนอื่น ซึ่งจริงๆ คนเริ่มจะติดหูเพลงของ Mild ว่าต้องมีท่อนแร็ปในเพลง แต่ในอนาคตเราว่าอาจจะต้องทำให้มันชัดกว่านี้หน่อย”



เรื่อง พัชริดา สุพรรณชนะบุรี, จรัตพร โมรา 
ภาพ SPICY DISC


0 comments
Other Magazine
or