รู้มาว่าเคยมีคลาสสอนที่มหาวิทยาลัยด้วย ขอเรียกว่า ‘คุณครู’ ได้มั้ย?
เป้ : ได้เลยครับ ไม่มีปัญหา
ที่เลือกยิงคำถามแรกแบบนั้นเพราะทางเราเองก็กลัว ว่าถ้าเผลอทึกทักเอาเองว่า ‘เป้ - ไพสิฐ คำกลั่น’ แซ็กโซโฟน วง Mild เป็นครูแล้วเกิดไม่ใช่ขึ้นมา นอกจากหน้าจะแตกแล้ว อาจจะโดนแหกด้วย เพราะนั่งเดาข้อมูลแบบผิดๆ แต่พอได้คำตอบที่ต้องการมาเราก็ใจชื้นพร้อมที่จะเริ่มคำถามต่อไปแล้ว
ส่วนใหญ่ที่เราสอนเป็นสิ่งที่มาจากประสบการณ์ตรงของเรา เราศึกษามันมาอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่ท่องจำมา
จุดเริ่มต้นของบทบาทคุณครู
เป้ : วิชาที่สอนคือวิชา The Art of Life (GE115) ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพครับ เราได้เข้าไปจัดหลักสูตรและสอนให้นักศึกษาเห็นคุณค่าของดนตรีมากขึ้น มันเริ่มมาจากที่เราอยากทำอยู่แล้ว และเราก็คลุกคลีอยู่กับทางหอศิลป์ ม.กรุงเทพพอดี ซึ่งทางนั้นเป็นคนดูแลวิชานี้อยู่แล้ว ก็เลยมีโอกาสเข้าไปทำ เราก็ได้เขียนหลักสูตรและได้เข้าไปสอนเองเลย
The Art of Life (GE115)
เป้ : วิชานนี้เรากับพี่เคน (วง Zeal) เป็นวิทยากร และแต่ละคลาสเราก็เชิญศิลปินเข้าไปร่วมบรรยายด้วย เนื้อหาส่วนใหญ่จะพูดให้น้องๆ เข้าใจในคำว่า ‘ดนตรี’ ความสำคัญและองค์ประกอบต่างๆ ของดนตรี ประมาณว่า ดนตรีมีส่วนสำคัญในชีวิตเรายังไง, แต่ละยุคแต่ละสมัยมันเปลี่ยนแปลงไปแบบไหน และเราจะปรับตัวอยู่กับมันยังไง ก่อนจบคลาสก็จะให้ศิลปินที่เราเชิญมาพูดให้แรงบันดาลใจ เพื่อให้น้องๆ อยากฟังและเข้าใจดนตรีให้ลึกขึ้น
ทำไมต้อง “เคน Zeal”
เป้ : เราสนิทกับพี่เคนอยู่แล้ว คุยกันตลอด พี่เคนจะมีอะไรในมุมที่เราไม่มี อย่างเช่น ความเป็นพิธีกร ความสนุกสนานที่จะคอยดึงความสนใจนักศึกษา อย่างเราเนี่ย เราจะพูดวิชาการไปเลย พี่เคนเป็นคนที่คอยเอ็นเตอร์เทน มัดรวมทุกอย่างและสรุปให้เราได้ (หัวเราะ) เราก็เลยเลือกพี่เคนเข้ามาช่วย แล้วช่วงที่โชว์เราก็คิดว่าถ้ามีมือกลองเข้ามาเล่นด้วยมันก็จะสนุกขึ้น เพราะในคลาสก็จะมีการแจมดนตรีเล่นกันด้วย
รับหน้าที่นี้มานานรึยัง?
เป้ : ทำได้ 3 ปีแล้วครับ แต่ปีการศึกษาที่แล้วไม่ได้ทำ เพราะมีการปรับเปลี่ยนระบบนิดหน่อย แต่อยากให้มันต่อเนื่อง เราเองก็มีหลักสูตรอยู่ในมือ ก็อาจจะเตรียมไปทำที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ต่อ (แสดงว่ามีแพลนจะทำที่อื่นด้วยไม่ใช่แค่ม.กรุงเทพ?) ใช่ๆ อย่างล่าสุดเราก็เพิ่งไปทำมาสเตอร์คลาสที่ คณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แล้วก็เคยไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ด้วย เคยไปหลายที่เลย ต่างจังหวัดเราไปหมด ขอแค่มีคนสนใจ เราก็พร้อมไปเลย ช่วงนี้ปรับเปลี่ยนระบบด้วย และทัวร์คอนเสิร์ตก็เยอะด้วย ทำอะไรไม่ได้เลย (หัวเราะ) แต่ปีการศึกษาหน้าเราตั้งใจจะกลับมาลุยเหมือนเดิม
อยากรู้เทคนิกการสอนของครูพี่เป้
เป้ : ไม่มีอะไรมาก ปล่อยตามธรรมชาติที่สุด พูดในสิ่งที่เรารู้และอยากจะเล่า อะไรที่เราไม่รู้ก็จะไม่เล่า เพราะส่วนใหญ่ที่เราสอนเป็นสิ่งที่มาจากประสบการณ์ตรงของเรา เราศึกษามันมาอย่างเต็มที่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่ท่องจำมา เพราะเราเองก็จบดนตรีมาโดยตรง เคยผ่านการเรียนวิชานี้มาแล้ว มันมีทุกมหาวิทยาลัย แค่ชื่อวิชาไม่เหมือนกัน เรารู้แล้วว่าคนที่ไปนั่งเรียนเค้าต้องการอะไร เราก็จะดึงความรู้ที่มีออกมาสอน และทำให้สิ่งนั้นเอาไปใช้จริงได้
กระแสตอบรับของนักศึกษาเป็นยังไงบ้าง?
เป้ : สนุกมาก! ด้วยความที่เมื่อก่อนคลาสนี้ไม่ค่อยมีคนสนใจ เพราะมันเป็นคลาสใหญ่ แต่พอเราเอาศิลปินเข้าไป มันก็น่าสนใจขึ้น กลายเป็นว่าคนเข้ามาเยอะมาก เกือบๆ พันคนได้ เราเอาศิลปินเข้ามาดึงคนก็จริง แต่เราก็แทรกความรู้ให้เขาได้ด้วย เราถือว่าประสบความสำเร็จสำหรับเรามาก
คลาสที่ประทับใจที่สุด
เป้ : เป็นคลาสที่เชิญน้าเน็ก (เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา) มา ด้วยความเป็นน้าเน็ก เขาก็ดึงความน่าสนใจจากนักศึกษาอยู่แล้ว เขามีทั้งความสนุก ความตลก และมีสาระมาก เพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ อยู่ในวงการมานาน เรื่องที่เขาเล่าให้เด็กๆ ฟังมันก็โดน และอีกคนคือ พี่หนึ่ง (วง etc) เราสนิทกันมากแต่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาจะถ่ายทอดความเป็นครูได้ดีขนาดนี้ พอถึงคลาสจริงๆ พี่หนึ่งเป็นคนที่เราประทับใจในความเป็นครูของเขามากที่สุด
3 ปีที่ผ่านมาค้นพบอะไรมากขึ้นบ้าง
เป้ : ทุกครั้งของการสอนไม่ว่าจะเป็นแซ็กโซโฟน หรือวิชาการก็ตาม มันเหมือนเป็นการสอนตัวเองไปพร้อมกับนักเรียนด้วย เหมือนเราได้ทบทวนบางสิ่งบางอย่าง ได้ตกผลึกความคิดของตัวเองอีกครั้ง ได้รู้จักเด็กสมัยใหม่มากขึ้นว่าเขารับอะไร และอยู่กับอะไรได้นาน เราก็ได้ตีโจทย์ตรงนั้น แล้วเอาไปใช้ทำงานเพลงได้ด้วย เหมือนเราได้ research เด็กลุ่มใหม่ๆ ตลอดเวลาว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ โลกของเขาเป็นยังไง เราก็ได้เรียนรู้จากตรงนี้เยอะมากเหมือนกัน
ให้คะแนนตัวเองในฐานะคุณครู เต็ม 10 ให้เท่าไหร่
เป้ : (หัวเราะ) ต้องให้คะแนนด้วยหรอ อืม… (หยุดคิด) ให้ 8 ละกัน เพราะเราก็มีข้อผิดพลาดอยู่หลายจุด เราเองก็เพิ่งมาเป็นครูได้ไม่นาน มันก็จะมีจุดผิดพลาดพอสควร แต่สุดท้ายผลที่ออกมาก็ถือว่าเป็นการประสบความสำเร็จที่ดีของเราเลย
เหมือนเราได้ research เด็กลุ่มใหม่ๆ ตลอดเวลาว่าตอนนี้เขาทำอะไรอยู่ โลกของเขาเป็นยังไง เราก็ได้เรียนรู้จากตรงนี้เยอะมากเหมือนกัน
คุยเรื่องการสอนมากเยอะแล้ว เราเปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า เพราะ SPICYDISC ได้ยินมาว่าอั้ลบั้ม MI4D มีเพลงของเป้ด้วย
เพลงของเป้ Saxophone?
เป้ : อัลบั้ม MI4D มีอยู่หนึ่งเพลงครับ เป็นเพลงสดใส อย่าเรียกมันว่าเพลงรักเลย (หัวเราะ) เป็นเพลงของหนุ่มขี้เหงา แต่ไม่เศร้านะ เป็นเพลงที่สดใสในอัลบั้มเลย ที่เป็นเราร้องเพราะเพลงแบบนี้คุณเป้ (MILDVOCALIST) อาจจะร้องไม่ถนัดเท่าไร (หัวเราะ) แต่เขาก็มาแจมในเพลงด้วย เป็นเพลงหวาน น่ารักๆ
คิดว่าแฟนคลับจะชอบมั้ย
เป้ : ชอบมั้ยไม่แน่ใจ แต่น่าจะแปลกใจแน่ๆ (หัวเราะ) เพราะส่วนมากไม่ค่อยมีใครรู้ว่าเราร้องเพลงได้ แต่จริงๆ แล้วเคยร้องในอัลบั้มที่ 2 แต่ไม่เหมือนกันนะ เพราะเพลงนี้ไม่มีเป่าแซ็กโซโฟนเลย ร้องอย่างเดียว (หัวเราะ) ดนตรีก็จะเข้มข้นขึ้น เพราะนี่ก็อัลบั้มที่ 4 แล้ว เราตั้งใจและวางแผนกันอย่างรอบคอบมาก เป็นอีกเพลงที่เพื่อนๆ ในวงชอบ คนอื่นๆ ก็คงไม่ได้ยินบ่อยๆ เพราะเราเองก็ไม่ออก single จริงจังเลย (หัวเราะ) เพลงนี้เป็นเพลงแรกด้วยซ้ำที่ทำแบบจริงจัง คิดว่าหลายๆ คนน่าจะชอบ เพลงของคนเหงา คนที่ไม่มีแฟน คนโสดน่าจะชอบ
ฝากผลงานล่วงหน้าเลยแล้วกัน
เป้ : อยากให้ลองฟังดูครับ ลองดูว่าชอบมั้ย ถือว่าเป็นโทนใหม่ของ Mild มาดูกันว่าพอคุณเป้ไม่ร้องแล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง (หัวเราะ) เขาไม่ได้ร้องหลัก แร็ปอย่างเดียว ตามคอนเซ็ปอัลบั้ม Hip-Pop ลองดูนะครับหวังว่าทุกคนจะชอบ
มาดูกันว่าพอคุณเป้ไม่ร้องแล้วอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง (หัวเราะ)